วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Pattani-ASEAN Water Festival 2017


           วันที่ 29 มิถุนายน 2560 ที่ สะพานเดชานุชิต แม่น้ำปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี นายพงศ์เทพ ไข่มุกด์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายจรูญ แก้วมุกดากุล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี พล.ต.ต.ปิยะวัตน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ร่วมแถลงข่าวเตรียมจัดกิจกรรม “Pattani-ASEAN Water Festival 2017” ระหว่างวันที่ 1-3 กรกรฏาคม ริมแม่น้ำปัตตานี เชิงสะพานเดชานุชิต ถนนนรินทราช อำเภอเมืองปัตตานี ซึ่งเป็นกิจกรรมทางน้ำ กีฬาพื้นบ้าน เป็นกิจกรรมส่งเสริมเทศกาลและกิจกรรมตามวัฒนธรรมในจังหวัด และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวทั้งในรูปแบบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวหรือการส่งเสริมทางวัฒนธรรม สร้างรายได้ และสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดปัตตานี ถือเป็นการขับเคลื่อนนโยบายท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ตามแนวทางการขับเคลื่อนวาระปัตตานี 2560 “รวมมือ ร่วมพลัง สร้างปัตตานี ให้เจริญรุ่งเรือง เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน” ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ วาระปัตตานีเมืองกีฬา กิจกรรมที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เป็นการนำจุดเด่นของจังหวัดปัตตานี ตลอดจนวิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของประชาชน มาจัดเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา จะเป็นเสมือนหนึ่งการถ่ายทอดความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดปัตตานีสู่สายตาบุคคลภายนอก เพื่อส่งผลให้นักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัสจังหวัดปัตตานีมากขึ้น


          อีกทั้งการจัดกิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการเพิ่มสีสัน และชีวิตชีวาให้กับจังหวัดปัตตานี ตลอดจนการสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศของการอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความเอื้ออาทร ความเข้าใจไว้วางใจ และเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน อันนำไปสู่ความสงบและสันติสุขอย่างยั่งยืนของชาวปัตตานีสืบไป

วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ปัตตานี ขบวนแห่เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม


          วันนี้ ( 27 มิ.ย. 60 ) ที่ บริเวณลานวัฒนธรรมหน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานเปิดขบวนแห่เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ตามโครงการเสริมสร้างความเข็มแข็งทางสังคมการศึกษาและวัฒนธรรมท้องถิ่น ตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาคุณภาพชีวิตพสกนิกรรอบอ่าว กิจกรรมจัดงานปัตตานีเมืองงามวัฒนธรรม 3 วิถี โดยมีอำเภอเมืองปัตตานีและอำเภอแม่ลาน ร่วมขบวนแห่พหุวัฒนธรรม แต่งกายชุด 3 วัฒนธรรมไทย จีน มุสลิมเข้าร่วมขบวนแห่เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ของดีเมืองตานีและงานกาชาดจังหวัดปัตตานี มีขบวนเชิดสิงโต ขบวนกลองยาว ขบวนศิละฮารีเมา ซึ่งขบวนแห่เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมดรั้งนี้ จัดขึ้นควบคู่กับงานแสดงสินค้า วัฒนธรรม ของดีเมืองตานี และงานกาชาดจังหวัดปัตตานี ปี 2560 ที่จัดขึ้นที่บริเวณสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน ถึงวันที่ 7 กรกฏาคม
          โดยจังหวัดปัตตานีได้ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดและทุกภาคส่วน ในจังหวัดปัตตานี ได้ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น เพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางวัฒนธรรม วิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมสนับสนุนกิจการสาธารณกุศลกับเหล่ากาชาดจังหวัด ส่งเสริมการท่องเที่ยว และนำสินค้าผลิตภัณฑ์สินค้าภาคเกษตร สอดคล้องตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงการจัดนิทรรศการมีชีวิตจากทุกภาคส่วนเป็นโซนถนนอุตสาหกรรม ถนนการเกษตร ถนนผลิตภัณฑ์ ถนนสนับสนุนธุรกิจ ถนนวัฒนธรรม ซึ่งมีกิจกรรมบ้านวัฒนธรรม พุทธ จีน อิสลาม มีการออกร้านภูมิปัญญาปัตตานี อาหาร เครื่องจักรสาน สาธิตหัตถกรรมพื้นบ้าน การแกะสลัก การแข่งขันชกมวย และการพาเหรดวัฒนธรรมจากทุกอำเภอ ยังมีการประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์ และถนนการท่องเที่ยว ภายใต้ชื่องานว่า “งานแสดงสินค้า วัฒนธรรม ของดีเมืองตานี และงานกาชาดจังหวัดปัตตานี” นอกจากนี้ ยังมีการแสดงของศิลปินดารา นักร้อง นักแสดง บนเวทีทุกคืน

คณะครู นักศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจยะลา ร่วมใจประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

         

          คณะครู นักศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจยะลา ร่วมใจประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
          วันที่ (27 มิ.ย. 60) ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจยะลา พร้อมด้วยคณะครู และนักศึกษากว่า 10 คน ได้ร่วมกันประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แสดงความจงรักภักดีแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ก็จะมีทั้งดอกดารารัตน์และดอกกุหลาบ ซึ่งทำมาจากใบยาง โดยมีเป้าหมาย จำนวน 1,089 ดอก
นางวรางคณา วิจิตรพันธ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจยะลา กล่าวว่า ในส่วนของการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทางวิทยาลัยฯ ได้รับมอบหมายจากอาชีวศึกษาจังหวัดให้จัดทำ จำนวน 1,089 ดอก โดยทางวิทยาลัยฯ ได้ประดิษฐ์ดอกดารารัตน์ จำนวน 800 ดอก กุหลาบใบยาง จำนวน 289 ดอก ซึ่งกุหลาบใบยางจะทำยากหน่อย ต้องใช้ความประณีตในส่วนของใบยาง แต่ก็เป็นความสวยงามในการที่จะนำถวายในครั้งนี้
          ขณะนี้ประดิษฐ์ไปแล้ว 700 กว่าดอก หลังจากประดิษฐ์เสร็จก็จะตบแต่งด้วยริบบิ้นเพื่อให้เกิดความสวยงาม สมพระเกียรติ ก่อนที่จะนำส่ง สำหรับวิทยากรที่มาให้ความรู้แก่นักศึกษา ก็จะเป็นคุณครูในสถานศึกษาของทางวิทยาลัยฯ นอกจากการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์เพื่อถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้ว ทางครูและนักศึกษาก็ได้ไปตั้งศูนย์เปิดสอนการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ให้กับประชาชนที่ตลาดผังเมือง 4 ด้วย โดยจะทำกันในช่วงค่ำของทุกวัน รวมทั้งยังไปสอนให้กับโรงเรียนต่างๆ เพื่อนำไปขยายผลการทำดอกดารัตน์ ต่อไป
          สำหรับนักศึกษาที่มาเข้าร่วมประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ก็จะได้รับในเรื่องของการเป็นจิตอาสา เด็กทุกคนทำด้วยความสมัครใจ พอว่างจากการเรียนก็จะมานั่งช่วยกันทำ เพราะเราถือว่างานนี้เป็นงานของเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เราได้มีโอกาสประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ถวาย ถือว่ามีบุญมากมาย ซึ่งทุกคนก็ไม่คิดที่จะเหนื่อยล้าแต่อย่างใด ทำด้วยใจ ด้วยความปลื้มปิติ เพื่อพ่อหลวง
ขณะที่นางสาวอัญชลี เปียกระโทก และนางสาวฟ้า ปทุมสูตร นักศึกษา ปวช.1 แผนกบัญชี กล่าวว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่ครั้งหนึ่งเราได้ทำในสิ่งนี้ ได้ทำเพื่อพ่อหลวง ก็ตั้งใจที่จะประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ จนกว่าจะครบกำหนดตามจำนวน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่พระองค์ท่าน

นายอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ระบุเตรียมปลูกดอกดาวเรืองบริเวณพลับพลาน้ำตกปาโจและโครงการอ่างยะลูตง


          นายอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ระบุเตรียมปลูกดอกดาวเรืองบริเวณพลับพลาน้ำตกปาโจและโครงการอ่างยะลูตง ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินมาทรงงานในพื้นที่ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ หาที่สุดมิได้  
          ว่าที่ร้อยตรี จิรัสย์ ศิริวัลลภ นายอำเภอบาเจาะ กล่าวว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทย เชิญชวนทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ร่วมปลูกดอกดาวเรืองหรือดอกไม้สีเหลือง ซึ่งเป็นสีวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อให้ประดับสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญของจังหวัด บริษัท ห้างร้าน และบ้านเรือนประชาชน ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในปลายเดือนตุลาคมนี้ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ หาที่สุดมิได้  
          ในส่วนของอำเภอบาเจาะ ซึ่งถือเป็นอำเภอแรกของจังหวัดนราธิวาส ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงงานในพื้นที่ เมื่อปี พ.ศ.2504 ซึ่งนอกเหนือจากการปลูกดอกดาวเรืองตามสถานที่ราชการ โรงเรียนรัฐและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา สถาบันการศึกษาปอเนาะ มัสยิด และบ้านเรือนประชาชนแล้ว ยังมีจุดสำคัญในพื้นที่อำเภอบาเจาะที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาอีก 2 แห่ง  คือ พลับพลาที่ประทับบริเวณน้ำตกปาโจ และโครงการอ่างยะลูตง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านยะลูตง ตำบลกาเยาะมาตี ซึ่งเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการระบายน้ำยี่งอ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส โครงการระบายน้ำไม้แก่น กิ่งอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี และพื้นที่ในเขตโครงการระบายน้ำบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2520 ได้มีพระราชดำริความตอนหนึ่งว่าควรพิจารณาวางโครงการและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในลำน้ำต่างๆ บริเวณเทือกเขาบูโด ด้านทะเลและก่อสร้างระบบส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำ เพื่อส่งน้ำให้แก่พื้นที่นาบริเวณเชิงเทือกเขาบูโดจนจดขอบพรุบาเจาะ ตามความเหมาะสม ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงกับโครงการระบายน้ำพรุบาเจาะ ทำให้สามารถส่งน้ำ ระบายน้ำและบรรเทาอุทกภัยให้แก่พื้นที่นาตั้งแต่บริเวณเชิงเทือกเขาบูโดจนจดพรุบาเจาะได้อย่างสมบูรณ์
          ทั้งนี้ทางอำเภอบาเจาะ ได้กำหนดวันดีเดย์ในการเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมปลูกดอกดาวเรืองพร้อมกัน ในวันที่ 12 สิงหาคม 2560 ซึ่งได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อีกทั้งร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอบาเจาะ เพาะชำต้นกล้าดาวเรืองแจกจ่ายให้ประชาชนต่อไป

วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ด่านตำรวจยะลาค้นเข้มต่อเนื่อง ป้องกันคนร้ายฉวยโอกาสก่อเหตุห้วงวันหยุดรายอ

          

          วันนี้ (26 มิ.ย. 60) ด.ต.สมชาย เรืองยิ่ง ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองยะลา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยปฎิบัติการพิเศษ (นปพ.) สภ.เมืองยะลา ได้นำกำลังตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในถนนสายหลักเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งเป็นเส้นทางเสี่ยงที่คาดว่าคนร้ายอาจจะใช้เป็นเส้นทางลักลอบนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เป้าหมายเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ โดยเน้นตรวจสอบบัตรประชาชน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ รถยนต์ สิ่งของต้องสงสัยภายในรถ สิ่งผิดกฎหมาย อาวุธปืน วัตถุระเบิด รวมทั้งรถเป้าหมายแจ้งเตือน อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันคนร้ายที่อาจจะฉวยโอกาสเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความรุนแรง พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในห้วงวันหยุดเทศกาลฮารีรายอ
          หลังในพื้นที่ใกล้เคียงยังคงเกิดเหตุความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหน่วยความมั่นคงได้แจ้งเตือนให้ทุกหน่วยเฝ้าระวังการก่อเหตุในห้วงวันที่ 23-30 มิ.ย. 60 ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงมีความพยายามที่จะก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน และมีแผนเตรียมก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยเน้นหนักดูแลย่านชุมชนเขตเมือง เป้าหมายอ่อนแอ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ อย่างเข้มงวด
          รวมทั้งให้หน่วยกำลังมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในขณะออกปฎิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเส้นทางรักษาความปลอดภัยบุคคล และขณะปฎิบัติหน้าที่ภายในฐานที่ตั้ง ไม่ประมาทต่อสถานการณ์ สามารถตอบโต้กับคนร้ายอย่างทันท่วงที

บรรยากาศ ท่องเที่ยว ฉลองรายอ สวนขวัญเมืองยะลา คึกคัก หลังครอบครัวชาวไทยมุสลิม นำบุตรหลาน พักผ่อน จำนวนมาก

         

          บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยว เฉลิมฉลองเทศกาลอีดิ้ลฟิตตรี หรือวันฮารีรายอ ของพี่น้องชาวมุสลิม ช่วงบ่ายวันนี้(25 มิ.ย 60) ที่สวนขวัญเมืองยะลา ซึ่งเป็นสถานที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ เป็นไปอย่างคึกคัก มีพี่น้องชาวไทยมุสลิม ในพื้นที่จากอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดยะลา เดินทางด้วยรถยนต์กระบะ รถยนต์เก๋ง นำบุตรหลานครอบครัว มานั่งพักผ่อนหย่อนใจ ใต้ร่มไม้รอบสระน้ำจำลองของสวนขวัญเมือง อย่างต่อเนื่อง
          โดยแต่ละครอบครัวก็จะนั่งล้อมวงรับประทานอาหาร นั่งทำกิจกรรมระบายสีตุ๊กตา ตลอดจนให้เด็ก ๆ ได้เล่นเครื่องเล่นที่สนามเด็กเล่น เล่นจักรยานถีบ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง และเป็นการพักผ่อนหย่อนใจ ในวันฮารีรายอ หลังจากได้ร่วมถือศีลอดมา ตลอด 1 เดือน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น ทุกคนมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ สนุกสนาน โดยเด็ก ๆ บางคนก็จะได้เงินจากผู้ปกครอง อีกด้วย
ขณะที่ ร้านค้าของชาวไทยมุสลิม ซึ่งขายอาหารประเภทลูกชิ้น ยำ ขนมขบเคี้ยว น้ำดื่ม จำนวนกว่า 10 ร้าน แต่ละร้าน ก็พากันขายดี มีรายได้เพิ่ม ในวันเฉลิมฉลองฮารีรายอ นี้

ชาวไทยมุสลิมในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ร่วมละหมาดในวันตรุษอีฎิ้ลฟิตริ หรือฮารีรายอ

          

          ชาวไทยมุสลิมในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ร่วมละหมาดในวันตรุษอีฎิ้ลฟิตริ หรือฮารีรายอ หลังถือศีลอดรอมฎอน 1 เดือนเต็ม ด้านนายอำเภอเบตง ขอบารมีองค์อัลเลาะห์ ให้คุ้มครอง ประทานพรแก่ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้
          วันนี้ (25 มิ.ย.60) ที่มัสยิดอัลซุนนะห์ บ้านกาแป๊ะฮูลู อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นมัสยิดที่อยู่ห่างชายแดนไทย – มาเลเซีย เพียง 1 กิโลเมตร มีบรรดาพี่น้องชาวไทยมุสลิม ร่วมพิธีละหมาด พร้อมปฏิบัติศาสนกิจ เนื่องในโอกาสวันตรุษอีฎิ้ลฟิตริ หรือ ฮารีรายอปอซอ ฮิจเราะห์ศักราช 1438 หลังจากร่วมถือศีลอดมาตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม ในเดือนรอมฎอน ที่ผ่านมา
          นายซัมซูเด็น มะมิง มัสยิดอัลซุนนะห์ บ้านกาแป๊ะฮูลู กล่าวว่า สำหรับการละหมาดอีฎิ้ลฟิตริ หรือวันอีดเล็ก ตรงกับวันที่ 1 เดือนเซาวาล เป็นเดือนที่ 10 ของเดือนในศาสนาอิสลามโดยถือทางจันทรคติ การละหมาดวันอีฎิ้ลฟิตริ ถือเป็นการปฏิบัติศาสนกิจที่มีความสำคัญต่อชาวไทยมุสลิมเป็นอย่างมาก มุสลิมทุกเพศทุกวัยทั้งชายหญิงจะต้องไปร่วมกันละหมาดโดยพร้อมเพรียงกันที่มัสยิดใกล้บ้าน หรือสถานที่ที่จัดให้มีพิธีละหมาด โดยหลังพิธีละหมาดจะมีการแสดงคุฎบะฮุ (บรรยายธรรม) ในเรื่องต่าง ๆ ของอิสลาม จากนั้นจะมีการแสดงความยินดีและขออภัยต่อกัน (การขอมาอัฟ) ในสิ่งที่ได้ล่วงละเมิด ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม รวมทั้งจะมีการแจกจ่ายอาหารและเงินให้แก่เด็ก และผู้ยากไร้ที่เข้าร่วมพิธีด้วย
          ทั้งนี้ วันฮารีรายอ นอกจากการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว แต่ละครอบครัวจะมีการจัดเตรียมอาหารคาว หวาน ไว้ต้อนรับญาติพี่น้อง และแขกที่มาเยี่ยมเยียน อีกทั้งจะมีการเดินทางไปเยี่ยมญาติพี่น้อง เพื่อน และออกท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ส่วนผู้ที่อยู่ต่างถิ่นก็จะเดินทางกลับมาบ้านเพื่อรวมตัวกัน ถือเป็นวันรวมญาติอีกวันหนึ่ง ทำให้บรรยากาศวันเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายอมีแต่ความสุข ความอบอุ่น โดยวันนี้ มุสลิมทั้งหญิงชายจะสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ที่มีสีสันสดใสและใส่เครื่องประดับกันอย่างสวยงาม เพื่อต้อนรับวันตรุษอีฎิ้ลฟิตริ
          ด้านนายดำรงค์ ดีสกูล นายอำเภอเบตง ได้ส่งความปรารถนาดีเนื่องในโอกาสเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลฟิตริ ฮิจเราะห์ศักราช 1438 แก่ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขอบารมีองค์อัลเลาะห์ ให้คุ้มครอง ประทานพรให้กับพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่อยู่ในจังหวัดยะลา และทั่วไป ให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีความสุขความเจริญประสงค์สิ่งใดก็ขอให้ได้สมความปรารถนาทุกประการ

25 มิ.ย. 60 ชาวไทยมุสลิมจำนวนมาก ร่วมละหมาด เนื่องในวันฮารีรายออีดิ้ลฟิตรี ขอพรให้เกิดความสันติสุข ที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี



          วันที่ 25 มิถุยาบน 2560 ซึ่งเป็นวันฮารีรายออีดิ๊ลฟิตริ ประจำปี ฮิจเราะห์ศักราช 1438 ตามปฏิทินอิสลามซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของศาสนาอิสลาม คือวันเฉลิมฉลองของชาวมุสลิมทั่วโลก หลังจากที่ได้ถือศีลอดมาตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งบรรยากาศในช่วงเช้าตามมัสยิดต่างๆ จะมีชาวไทยมุสลิมจะเดินทางมาร่วมละหมาดละหมาดเนื่องในวันฮารีรายออีดิ้ลฟิตรี กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี มีพี่น้องชาวไทยมุสลิมทั้งชายและหญิง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ และสวยงาม ตามแบบอย่างของอิสลาม ต่างพาบุตรหลานเดินทางมาเข้าร่วมละหมาดเนื่องในวันฮารีรายออีดิลฟิตริ กว่า 5 พันคน ซึ่งพิธีละหมาดถือเป็นพิธีที่สำคัญอย่างยิ่งในวัน ในวันฮารีรายออีดิ้ลฟิตรี ทั้งนี้ก็เพื่อขอประทานอภัยโทษต่อพระผู้เป็นเจ้า ต่อการกระทำบาปในรอบหนึ่ง 1 ปี ที่ผ่านมา และเป็นการให้อภัยซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ ยังได้ร่วมขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเร็ว เนื่องจากในห้วงที่ผ่านมา ยังคงมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิต และรับบาดเจ็บหลายราย
          หลังจากเสร็จพิธี ผู้เข้าร่วมละหมาดก็จะเดินทางกลับบ้านเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวันฮารีรายอ ร่วมกับญาติพี่น้องและขออภัยในสิ่งที่ได้ล่วงเกินซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน ซึ่งถือเป็นมื้อแรกของวันและเป็นมื้อเช้ามื้อแรก หลังจากที่ถือศีลอดมาตลอดเดือนรอมฎอน

วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

อบรมเยาวชนด้วยหลักธรรมศาสนา


          ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดปัตตานี ร่วมกับสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดโครงการ “อบรมเยาวชนด้วยหลักธรรมศาสนา” เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2560
          วันที่ 22 มิ.ย. 60 ณ หอประชุมใหญ่คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานเปิดงานกิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2560 พร้อมมอบโล่เกียรติคุณและใบประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติให้แก่หน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดปัตตานี มีหน่วยงานและตัวแทนจากองค์กร กลุ่มพลังมวลชน ทั้ง 12 อำเภอ และนักเรียนจากโรงเรียนเอกชนสอนภาษาอิสลาม , โรงเรียนมัธยมสามัญศึกษาจากโรงเรียนต่างๆ เข้าร่วม กว่า 1,500 คน
          นายไพโรจน์ จริตงาม ปลัดจังหวัดปัตตานี/เลขานุการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ตามมติที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก เพื่อให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ได้ตระหนักถึงปัญหาและภัยร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากยาเสพติด เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ การจัดกิจกรรมดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 เพื่อดำเนินกิจกรรมให้ความรู้ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียนและเยาวชน โดยใช้หลักธรรมศาสนามาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ปรับเปลี่ยนทัศนคติให้ห่างไกลจากสิ่งเสพติดที่เป็นภัยอันตรายให้กับเยาวชนในสถานศึกษาตามเจตนารมณ์ที่ รัฐบาลมีความห่วงใย ต่ออนาคตของเด็กและเยาวชนของชาติ โดยในปี 2560 นี้ กำหนดแนวทางการจัดกิจกรรมภายใต้กรอบแนวคิดที่ว่า “ทำดีเพื่อพ่อ สานต่อแก้ปัญหายาเสพติด” เพื่อถวายเป็นพระราชสักการะ น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 กิจกรรมภายในงาน มีการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน การมอบโล่และใบประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติให้แก่หน่วยงานด้านต่างๆ จำนวน 48 หน่วยงาน
          นอกจากนี้มีการบรรยายธรรม และการจัดนิทรรศการ โดย สวท.ปัตตานี ร่วมถ่ายทอดเสียงการจัดกิจกรรมเพื่อแผยแพร่อย่างกว้างขวางอีกด้วย

โครงการสายใยรักสู่เด็กกำพร้า


          เด็กกำพร้าสุไหงโก-ลก ดีใจ ได้รับเงินโครงการสายใยรักสู่เด็กกำพร้า เทิดไท้องค์ราชัน องค์ราชินี ครั้งที่ 6 ของอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อใช้จ่ายในเทศกาลฮารีรายออิดิ้ลฟิตรี
          นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำศาสนาร่วมมอบเงินให้กับเด็กกำพร้า ตามโครงการสายใยรักสู่เด็กกำพร้า เทิดไท้องค์ราชัน องค์ราชินี ครั้งที่ 6 ประจำปี 2560 ณ หอประชุมทรายทองที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก
          สำหรับโครงการดังกล่าว อำเภอสุไหงโก-ลก ได้รวบรวมเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กร สมาคม ชมรมต่างๆ มามอบให้กับเด็กกำพร้าที่นับถือศาสนาพุทธ และอิสลาม จาก 33 มัสยิด 19 หมู่บ้าน จำนวน 305 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 152,500 บาท เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในโอกาสที่ทรงครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ อีกทั้งเป็นการมอบเป็นของขวัญสำหรับเด็กกำพร้า ได้นำไปใช้สอยในช่วงเทศกาลวันฮารีรายออิดิ้ลฟิตรี
          นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก กล่าวว่า เด็กกำพร้าในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี จากปัจจัยหลายด้าน ซึ่งครั้งนี้เป็นการมอบเงินแก่เด็กพิการทั้งที่เป็นไทยพุทธและมุสลิม เพื่อเติมเต็มรอยยิ้มให้แก่เด็กกำพร้า โดยเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ที่จะได้นำเงินไปใช้จ่ายเพื่อในช่วงเทศกาลวันฮารีรายออิดิ้ลฟิตรี ซึ่งถือเป็นการเฉลิมฉลองในวันสำคัญทางศาสนาอิสลาม พร้อมกันนี้ได้ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีจากทุกภาคส่วนที่ร่วมบริจาคเงินสมทบในโครงการด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จ.นราธิวาส ฝึกอบรมการปลูกดอกดาวเรือง

       


 
         จังหวัดนราธิวาส ร่วมกับสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส จัดฝึกอบรมการปลูกดอกดาวเรือง ระหว่างวันที่ 20-22 มิถุนายน 2560 เพื่อนำความรู้ไปประกอบอาชีพ อีกทั้งนำดอกดาวเรืองใช้ประดับสถานที่ในช่วงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
          วันนี้ (21 มิ.ย. 60) นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ลงพื้นที่พบปะให้กำลังใจแก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมปลูกดอกดาวเรือง ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานที่ 25 นราธิวาส ถนนศูนย์ราชการ อำเภอเมืองนราธิวาส ซึ่งมีนายสมศักดิ์ นามตาปี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส ร่วมให้การต้อนรับ
เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การจัดฝึกอบรมดังกล่าว เพื่อถ่ายทอดความรู้และทักษะการปลูกดอกดาวเรืองที่ถูกต้อง นำไปประกอบอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมสร้างรายได้ ที่สำคัญมุ่งหวังให้นำความรู้ไปเผยแพร่และถ่ายทอดแก่ผู้อื่น เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ปลูกดอกดาวเรืองเพื่อใช้ประดับสถานที่จัดพิธี สถานที่ราชการ และอาคารบ้านเรือน ในช่วงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม 2560
สำหรับการจัดฝึกอบรมการปลูกดอกดาวเรือง กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 มิถุนายน 2560 ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 25 นราธิวาส จัดฝึกอบรมวันละ 2 รอบ เวลา 09.30-11.30 น. และเวลา 13.30-15.30 น. ซึ่งมีนางสาวสายใจ นุเคราะห์ชน นักวิชาการเกษตร ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนราธิวาส เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ รวมถึงสาธิตการปลูกดอกดาวเรือง
          ทั้งนี้ในวันนี้ (21 มิ.ย. 60) มีผู้บุคลากรจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนที่สนใจเข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 65 คน โดยผู้เข้ารับการอบรมทุกคนได้ลงมือปลูกดอกดาวเรืองด้วยตนเองอีกด้วย

ศอ.บต. เร่งพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ผ่านการบำบัดรักษาฯ ยาเสพติด


          ศอ.บต. เร่งพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ผ่านการบำบัดรักษาฯ ยาเสพติด จัดอบรมให้ความรู้ด้านอาชีพ ป้องกันการเสพซ้ำ รองเลขาธิการ ศอ.บต. ประชุมคณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ผ่านการบำบัดรักษาฯ ยาเสพติด มอบหน่วยงานที่มีศักยภาพในพื้นที่ดูแล ป้องกันการเสพซ้ำ
          วันนี้ (21 มิถุนายน 2560) ที่ห้องปัญจเพชร ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นายไกรสร วิศิษฎ์วงศ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานการประชุมคณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ผ่านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 3/2560  ซึ่งมีการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่ผ่านการบำบัดยาเสพติด ในการอบรมให้ความรู้ อาชีพ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่เคยติดยาเสพติดกลับไปเสพซ้ำ และให้จังหวัดหรือหน่วยงานที่มีศักยภาพในการดูแลบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ให้ความรู้ในด้านต่างๆ
          โดยมีสาขาวิชาชีพที่ฝึกอบรม คือ ช่างซ่อมเครื่องยนต์ขนาดเล็ก , ช่างเชื่อมโลหะ , ช่างปูกระเบื้อง , ช่างแต่งผมสุภาพบุรุษ , ช่างเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร , ช่างปูนปั้นไม้เทียม และอื่นๆ แบ่งเป็น 3 รุ่น โดย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รับนักเรียนผู้ผ่านการบำบัดแล้ว 100 คน ส่วนจังหวัดสงขลา 40 คน จำนวน 1 รุ่น ทั้งนี้ ศอ.บต. ได้จัดทำตารางกิจกรรมศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อมอบให้หน่วยงานที่ผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดเข้าอบรมอาชีพ

วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560

สร้างสุข รอยยิ้ม เดือนรอมฎอน


           ชาวเมืองยะลาสร้างสุข รอยยิ้ม เดือนรอมฎอน หลังรองสารวัตรจราจรหญิงหนึ่งเดียว ขับรถกอล์ฟสายตรวจออกแก้ปัญหาจราจรเขตเมือง อำนวยความสะดวกให้ประชาชน
           วันที่ (21 มิ.ย. 60) งานจราจรสถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา โดยการนำของ พ.ต.ท.กิตติเดช มะแซ สารวัตรจราจร สภ.เมืองยะลา ได้นำรถกอล์ฟสายตรวจจราจร ซึ่งมี ร.ต.ท.หญิง อธิตยา เจ๊ะพงศ์ รองสารวัตร ฝ่ายอำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ปฎิบัติหน้าที่งานจราจร สภ.เมืองยะลา ตำรวจหญิงหนึ่งเดียวของจังหวัดยะลา พร้อมด้วย ร.ต.ต.สรรเพชร พงศ์พิบูลย์เกียรติ รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองยะลา เป็นผู้ขับขี่ ออกตรวจสภาพและแก้ปัญหาการจราจร พร้อมดูแล กวดขันวินัย ให้คำแนะนำในการปฎิบัติตามกฎระเบียบ ตลอดจนอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเขตชุมชนเมืองยะลา โดยเฉพาะในย่านตลาดเก่า ซึ่งห้วงนี้เป็นเดือนรอมฎอนและใกล้วันรายอ ทำให้การจราจรหนาแน่น รถติด เนื่องจากมีพี่น้องประชาชนออกมาจับจ่ายสินค้า ซื้ออาหารกันจำนวนมาก นอกจากนี้ในขณะออกตรวจสอบการจราจร ก็ยังให้ความช่วยเหลือ บริการรับ-ส่ง ประชาชน ฟรี ไปลงยังสถานที่ต่างๆ ในเขตเมืองยะลา ซึ่งการออกปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจร ก็ได้สร้างความประทับใจ สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับประชาชนชาวเมืองยะลา เป็นอย่างยิ่ง บางคนก็ถึงกับตะโกนคำว่า "หรอย หรอย" ซึ่งเป็นภาษาใต้ เพื่อสื่อความหมายในแง่ความสุข
           พ.ต.ท.กิตติเดช มะแซ สารวัตรจราจร สภ.เมืองยะลา กล่าวว่า หลังจากที่ สภ.เมืองยะลา ได้รับความอนุเคราะห์รถกอล์ฟจากอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ท่านเก่า) และนายกเทศมนตรี นครยะลา ทาง สภ.เมืองยะลา ก็ได้นำมาใช้ในงานด้านจราจรของ สภ.เมืองยะลา เพื่อบริการผู้พิการ ผู้สูงอายุ นำขบวนพาเหรดต่างๆ ซึ่งจะมีการเดินพาเหรดนักเรียนจำนวนมาก โดยรถกอล์ฟจะมีความสะดวก เป็นรถเล็ก นอกจากนี้ก็จะเป็นการจัดระเบียบการจราจร เนื่องจากเป็นรถเล็ก สามารถสอดแทรกในชุมชนได้ โดยเฉพาะห้วงนี้เป็นเดือนรอมฎอน ซึ่ง 3-4 วัน ก็จะถึงวันรายอ การจราจรในเมืองยะลาจะติดขัดรถจะหนาแน่น การจราจรคับคั่ง ซึ่งก็จะนำ รถกอล์ฟมาบริการแนะนำการจราจรให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งช่วยแก้ปัญหารถติดไปได้มาก ช่วงนี้ก็ใช้มาประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว โดยมีทางผู้กองปูเป้ หมวดสรรเพชร เป็นผู้ให้บริการ โดยจะออกบริการแก้ปัญหาจราจร ตามตลาด ชุมชน ถ้าพบบุคคล พิการ ผู้สูงอายุ ก็จะให้บริการทันที
           ด้าน ร.ต.ท.หญิง อธิตยา เจ๊ะพงศ์ รองสารวัตร ฝ่ายอำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ปฎิบัติหน้าที่งานจราจร สภ.เมืองยะลา กล่าวว่า รู้สึกดี สะดวกขึ้น เพราะเป็นรถเล็ก สามารถตรวจสอบการจราจร บริหารงานจราจรที่หนาแน่นให้คล่องตัว ประชาชนให้การตอบรับดี มีรอยยิ้ม คล้ายกับว่ารอคอยตำรวจมาตรวจการจราจร โดยประชาชนก็จะบอกว่าทำไมมีคันเดียว อยากให้มีหลายๆ คัน ตนเองก็รู้สึกดีที่มีคนมาใช้บริการ ประชาชนชอบบางคนก็จะมาขอถ่ายรูป ถ่ายวิดิโอ ตั้งแต่ออกจาก สภ.เมือง มีความสุขทั้งสองฝ่าย
           ขณะที่บางคนก็ยังไม่กล้าเรียกใช้ตำรวจ ให้ตำรวจรับใช้ ถ้ามีโอกาสประชาชนก็สามารถเรียกใช้สายตรวจจราจรได้ตลอดเวลา ด้านชาวบ้านอำเภอสะบ้าย้อย ซึ่งใช้บริการรถสายตรวจจราจร กล่าวว่า ตนเองขึ้นรถมาจากตลาดเมืองใหม่จะไปที่ตลาดรถไฟ ซื้อเสื้อผ้าให้ลูกๆ ในวันรายอ รู้สึกดีใจที่มีตำรวจมาคอยให้บริการรับ-ส่ง ประชาชนฟรี เป็นที่พึ่งให้ประชาชน ถ้าไม่มีรถตำรวจจราจรก็จะต้องเดินไปกับลูกๆ

จัดหางานยะลา ฝากนายจ้างตรวจสอบความถูกต้องแรงงานต่างด้าว


          จัดหางานยะลา ฝากนายจ้างตรวจสอบความถูกต้องแรงงานต่างด้าวที่ทำงาน หลัง กระทรวงแรงงาน เตรียมออก พ.ร.ก.ใหม่ รวมกฎหมาย 2 ฉบับเป็นฉบับเดียว ให้ความคุ้มครอง อำนวยความสะดวกให้กับนายจ้างและแรงงานต่างด้าว และเพิ่มโทษนายจ้างที่กระทำผิดกฎหมาย ในอัตราโทษสูงขึ้น
นางฐิติมา นราพงศ์ จัดหางานจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ร่างพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ...ได้รวบรวมกฎหมาย 2 ฉบับให้เป็นฉบับเดียว คือ พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 และ พระราชกำหนดการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ พ.ศ.2559 โดยเติมส่วนที่ขาดและแก้ส่วนที่บกพร่อง เพื่อให้ครอบคลุมการบริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว ได้ทั้งระบบ โดยสามารถแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เน้นสาระสำคัญในการให้ความคุ้มครอง อำนวยความสะดวกให้กับทั้งนายจ้างและแรงงานต่างด้าว และการเพิ่มโทษนายจ้างที่กระทำผิดกฎหมาย การเพิ่มโทษให้มีอัตราโทษสูงขึ้น เช่น นายจ้าง รับคนต่างด้าวเข้าทำงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ หรือ การรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานกับตนเข้าทำงานมีโทษปรับตั้งแต่ 400,00-800,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้าง 1 คน นายจ้างให้คนต่างด้าวทำงานไม่ตรงตามที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 400,000 บาทต่อคนต่างด้าว 1 คน ขณะที่คนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน หรือ ทำงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ผู้ที่มีพฤติกรรมการค้ามนุษย์ เช่น ยึดใบอนุญาตทำงาน หรือเอกสารสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ซึ่งร่างพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฉบับใหม่นี้ มีโทษรุนแรงสำหรับนายจ้าง หรือผู้กระทำผิดมากขึ้น โดยให้นายจ้างเพิ่มความระมัดระวังในการตรวจสอบแรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามาทำงานว่าถูกต้องหรือไม่ หากพบว่าไม่ถูกต้อง ก็ขอให้รีบดำเนินการให้ถูกต้อง ซึ่งร่างพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ...นี้ คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ในปลายเดือนมิถุนายน 2560 หากมีข้อสงสัยและต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดจังหวัดยะลา โทร.0-7336-2 614

วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จังหวัดยะลา คุมเข้ม 10 วันสุดท้ายเดือนรอมฎอน


          หน่วยความมั่นคงยะลา คุมเข้ม 10 วันสุดท้ายเดือนรอมฎอน ป้องกันการก่อเหตุ สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน
          วันนี้ (15 มิ.ย. 60) การดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เมืองยะลา ของหน่วยความมั่นคงจังหวัดยะลา ซึ่งได้บูรณาการกำลัง ทหาร ตำรวจ อส. เข้าร่วมดูแลพื้นที่ เส้นทางเสี่ยง ย่านชุมชน การค้า ทั้งในเขตเมืองและเขตรอยต่อ ยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวด
          โดยที่ด่านตรวจวัดหลักห้า ถนนสายยะลา-รามัน ซึ่งเป็นเส้นทางก่อนเข้าสู่เมืองยะลา ส.ท.วรพงษ์ สามสี หัวหน้าชุด ร้อย ร.15232 หน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 พร้อมกำลังพล ได้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจค้น บุคคล รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เป้าหมาย ต้องสงสัย ซึ่งใช้เส้นทางสัญจร เดินทางเข้าสู่พื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกัน สกัดกั้น กลุ่มคนร้ายที่อาจจะฉวยโอกาสลักลอบเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่เขตเมืองยะลา สร้างความอบอุ่นใจ พร้อมกับอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนชาวยะลา โดยเฉพาะในห้วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้กำชับให้เพิ่มมาตรการอย่างเข้มงวดกวดขัน พร้อมให้หน่วยเฝ้าระวังการก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายในทุกรูปแบบ หลังการข่าวได้แจ้งเตือนคนร้ายยังคงมุ่งหวังที่จะก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนอย่างต่อเนื่อง
          ซึ่งล่าสุด เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย. 60) ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี คนร้ายได้ก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน จนได้รับบาดเจ็บ ประกอบกับวันนี้ 15 มิ.ย. เป็นวันชาติมลายูปัตตานี ซึ่งคนร้ายอาจจะก่อเหตุ ก่อกวนในรูปแบบต่างๆ ทั้งการแขวนป้ายผ้า การลอบวางระเบิดพร้อมกันหลายจุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเป็นการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์

ชาวบ้านยืนยันคัดค้าน! เหมืองหินบาตูฆอ จ.ยะลา ห่วงผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ!


          ชาวบ้านยืนยันคัดค้านเหมืองหินบาตูฆอ จ.ยะลา ห่วงผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หวิดปะทะระหว่างนายทุนกับชาวบ้าน นายอำเภอให้เริ่มกระบวนการใหม่ ผู้จัดการบริษัทขู่จะฟ้องศาลปกครอง 13 มิถุนายน 2560 ชาวบ้านควนนางา บาตูฆอ ม.4 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา กว่า 400 คน ยกมือคัดค้านการขอสัมปทานทำเหมืองแร่หินปูนอุตสาหกรรมของบริษัท ศิลาเขาแดง จำกัด ในเวทีประชุมหารือแนวทางแก้ปัญหากรณีการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ ณ ทีทำการผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.ห้วยกระทิง

          เวทีดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากคณะกรรมการหมู่บ้านได้ขอให้นายอมร ปรีดางกูร นายอำเภอกรงปินังมาช่วยแก้ปัญหาเนื่องจากที่ผ่านมาในเอกสารประกอบการขอสัมปทานดังกล่าวระบุว่า ชาวบ้านเห็นด้วยกับการให้สัมปทานเหมืองหินดังกล่าวถึง 2 ครั้งซึ่งขัดแย้งกับความเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ที่ไม่เห็นด้วย และมีข้อมูลหลายอย่างไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริงของพื้นที่ นายอมร ปรีดางกูร นายอำเภอกรงปินังจึงได้เชิญอุตสาหกรรมจังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 1 สงขลาซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง และนายอับดุลลาเต๊ะ ยากัด เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ศิลาเขาแดง จำกัด มาให้ข้อมูลกับชาวบ้านด้วย

"หวิดปะทะระหว่างนายทุนกับชาวบ้าน"

          แต่ก่อนที่จะเริ่มเวทีปรากฏว่านายอับดุลลาเต๊ะ ยากัด เข้ามาปากเสียงกับแกนนำชาวบ้านและนายอำเภอเนื่องจากไม่พอใจในการจัดเวทีวันนี้ เพราะตนได้ดำเนินการขอประทานบัตรอย่างถูกต้องตามกฎหมายและได้รับฟังความเห็นจากชาวบ้านในพื้นที่ไปแล้ว จนเจ้าหน้าที่ต้องมาคุมเชิง จากนั้นจึงได้ออกไปสังเกตการณ์รอบนอกบริเวณเวทีจัดงาน

          ขณะที่อุตสาหกรรมจังหวัดและเจ้าหน้าที่ที่มาให้ข้อมูล หลังจากให้ข้อมูลแก่ชาวบ้านแล้วได้ขอออกจากบริเวณเวทีเช่นกันโดยระบุว่า พวกตนมาให้ข้อมูลเท่านั้นส่วนการรับฟังความเห็นนั้นเป็นหน้าที่ของนายอำเภอที่จะรับฟังและส่งรายงานให้พวกตนทราบต่อไป เพราะหากยังอยู่ต่ออาจถูกฟ้องร้องจากผู้ขอสัมปทานได้ว่าไม่มีความเป็นกลาง แต่ชาวบ้านต้องการให้อยู่เพราะมีคำถามที่จะถาม ระหว่างนั้นฝ่ายมีการส่งเสียงคัดค้านเป็นระยะพร้อมกับชูป้ายคัดค้าน แต่ก็ไม่มีความวุ่นวายอะไร

วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560

โครงการ TO BE NUMBER ONE ของอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส


          ประธานคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานชมรม TO BE NUMBER ONE ระดับประเทศรอบพื้นที่ ลงพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจประเมินผลงานชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนสุไหงโก-ลก และชมรม TO BE NUMBER ONE ชุมชนหัวกุญแจ
          วันที่ (13 มิ.ย. 60) นายเดชรัฐ สิมสิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานชมรม TO BE NUMBER ONE ระดับประเทศรอบพื้นที่ พร้อมคณะกรรมการ ลงตรวจประเมินผลการบริหารจัดการ การดำเนินงานและการจัดกิจกรรมของชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นชมรมดีเด่นระดับภาคใต้ ประเภทสถานศึกษา และชมรม TO BE NUMBER ONE ชุมชนหัวกุญแจ เป็นชมรมดีเด่นระดับภาคใต้ ประเภทชุมชน เพื่อเข้าชิงถ้วยพระราชทานทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE ในระดับประเทศ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้
          โดยทั้ง 2 ชมรม ได้มีการนำเสนอผลงาน พร้อมจัดนิทรรศการที่ทางชมรมได้ดำเนินการมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งชมรม ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด ทั้งการปฏิบัติงานจริง การดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับแนวทางของโครงการ TO BE NUMBER ONE มีการพัฒนาและมีความต่อเนื่อง รวมถึงมีการสร้างเครือข่าย นวัตกรรม และองค์ความรู้ที่เข้มแข็ง โดยสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE ภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดยมีนายธรรมรงค์ คงวัดใหม่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส , นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก , นายมะรอสตี เจ๊ะแว ผู้อำนวยการโรงเรียนสุไหงโก-ลก , หัวหน้าส่วนราชการ , คณะครูอาจารย์ , นักเรียน และผู้ปกครองมาร่วมให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก
          สำหรับโครงการ TO BE NUMBER ONE คือ โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเป็นองค์ประธานอำนวยการโครงการ TO BE NUMBER ONE ซึ่งโครงการนี้ มุ่งเน้นการรณรงค์ปลุกจิตสำนึกและสร้างกระแสนิยมที่เอื้อต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตลอดจนเสริมภูมิคุ้มกันทางจิตใจแก่เยาวชนในชุมชน

กิจกรรมสานสัมพันธ์เดือนรอมฎอน 2 แผ่นดิน


          อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ร่วมกับอำเภอฮูลูเปรัค รัฐเปรัค และอำเภอบาลิ่ง รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย จัดกิจกรรมสานสัมพันธ์เดือนรอมฎอน 2 แผ่นดิน ประจำปี ฮ.ศ.1438 เชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ
          ค่ำวันนี้(13 มิ.ย. 60) ที่มัสยิดอัลยามีอุลอัฮมาดี (มัสยิดกลางอำเภอเบตง) อำเภอเบตง จังหวัอยะลา นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดกิจกรรมสานสัมพันธ์เดือนรอมฎอน 2 แผ่นดิน ประจำปี ฮ.ศ.1438 เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างประชาชน ผู้นำศาสนาและส่วนราชการของทั้ง 2 ประเทศ โดยมีนายดำรงค์ ดีสกูล นายอำเภอเบตง , นายสุรชาต ฟ้าอรุน รองนายกเทศมนตรีเมืองเบตง และนายโร สลัน บิน ดาโตะ เซอรี เมอ อาหะหมัด รัสซือดี ผู้แทนสุลต่านรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย พร้อมด้วยผู้นำศาสนา ประชาชน และส่วนราชการ ของทั้ง 2 ประเทศ ร่วมกิจกรรมละศิลอดสานสัมพันธ์เดือนรอมฎอน 2 แผ่นดินในครั้งนี้
          นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า อำเภอเบตง จังหวัดยะลา กับอำเภอฮูลูเปรัค รัฐเปรัค และอำเภอบาลิ่ง รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย เป็นอำเภอที่ติดกับอำเภอเบตง ซึ่งได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ด้วยดีมาตลอด เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในทุกระดับชั้นของข้าราชการทั้ง 2 ประเทศ และการประสานข้อราชการและเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะในเดือนรอมฎอนนี้ ซึ่งเป็นเดือนที่สำคัญยิ่งของพี่น้องมุสลิมทั่วโลก และได้มีโอกาสมาร่วมละศีลอดด้วยกันของข้าราชการเมืองชายแดนทั้ง 2 ประเทศ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และขอให้เดือนรอมฎอนนี้ เป็นเดือนที่จะนำพาความสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
          สำหรับบรรยากาศภายในงานได้อัญเชิญคัมภีร์อัลกุรอ่าน การบรรยายธรรม เรื่องความดีงาม ความประเสริฐของการเอี๊ยะติกาฟ หรือการปฏิบัติศาสนกิจสำคัญในห้วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน การมอบเงินสนับสนุนมัสยิดในกิจกรรมเอี๊ยะติกาฟ , การอ่านสาส์นผู้นำศาสนา , การการกล่าวดูอาร์ละศีลอด , การละศีลอด และการละหมาดมัฆริบโดยพร้อมเพรียงร่วมกัน

วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ศอ.บต. ร่วมหารือกับคณะเจ้าหน้าที่สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP)


         ศอ.บต. ร่วมหารือกับคณะเจ้าหน้าที่สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รองเลขาธิการ ศอ.บต. ต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมในภาคใต้ของประเทศไทย (STEP) โดยสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในโอกาสเดินทางมาร่วมหารือความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
         วันนี้ (22 มิถุนายน 2560) ที่ห้องประชุมเจริญจิตต์ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการ ศอ.บต. ได้ให้การต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมในภาคใต้ของประเทศไทย (STEP) โดยสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ในโอกาสเดินทางมาร่วมหารือความร่วมมือระหว่างกัน โดยมีนายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศ ศอ.บต. หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
          นางสาวนฤดี จันทสิงห์ ผู้จัดการโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมในภาคใต้ของประเทศไทย กล่าวว่า โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมในภาคใต้ของประเทศไทย หรือ Thailand Empowerment and Participation (STEP) Project เป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) โดยมีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ ซึ่งขณะนี้วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้มีส่วนร่วมกับการบริหารจัดการโครงการในระยะที่สอง ซึ่งวันนี้ทางสำนักบริหาร โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมในภาคใต้ของประเทศไทย (STEP) มีความประสงค์มาแสดงความขอบคุณในความร่วมมือของ ศอ.บต. ในโครงการดังกล่าว รวมทั้งมาเพื่อหารือด้านความร่วมมือระหว่าง สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) กับ ศอ.บต. เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนรวมถึงชุมชนทั้ง 13 ชุมชน ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ที่ได้รับการสนับสนุน โดยสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP)

จังหวัดปัตตานี ประชุมถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ปี 2560


          จังหวัดปัตตานี ประชุมถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ปี 2560 ที่ห้องประชุมลังกาสุกะ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา รองผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานการประชุมถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ปี 2560 เพื่อสรุปผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา กิจกรรมที่โดดเด่น , ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงการดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป โดยมีนายอำนาจ ผลมาตย์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และปลัดอำเภอ ทั้ง 12 อำเภอ ร่วมประชุม
          สำหรับสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันจังหวัดปัตตานี สถิติสถานการณ์ไฟป่าของจังหวัดปัตตานีในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ.2554-2558 พบว่าไม่มีสถานการณ์ไฟไหม้พื้นที่ป่าในจังหวัดปัตตานี สำหรับสถานการณ์หมอกควันของจังหวัดในรอบ 4 ปี ที่ผ่านมา (ดัชนีคุณภาพ AQI ปริมาณ ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน PM10)
          ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงเดือนตุลาตม ของทุกปี เป็นฤดูแล้งของกลุ่มประเทศอาเซียนตอนล่าง คือ มาเลเซีย , สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย และในห้วงเวลานี้ ในประเทศอินโดนีเซีย บริเวณเกาะสุมาตรา และเกาะกาลิมันตัน ซึ่งจะมีการแผ้วถางพื้นที่โดยการเผาทำการเกษตร เช่นเดียวกับภาคเหนือของประเทศไทย และห้วงเวลาเดียวกันนี้ลมที่พัดจะเป็นลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อการเผ่าป่าหรือพื้นที่เกษตร ในเกาะสุมาตราเป็นจำนวนมาก และทิศทางลมพัดขึ้นมาตอนบน ทำให้หมอกควันข้ามแดนส่งผลกระทบมาสู่ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ได้แก่ สุราษฎร์ธานี , ภูเก็ต , สงขลา , นราธิวาส , ยะลา , สตูล และปัตตานี ซึ่งมีคุณภาพอากาศอยู่ในขั้นอันตรายและเสี่ยงต่อสุขภาพ จากสถานการณ์หมอกควันของจังหวัดปัตตานีที่ผ่านมา ปี พ.ศ.2556-2559 สามารถประเมินคุณภาพอากาศได้จากจังหวัดใกล้เคียง คือ ยะลา และนราธิวาส

รายการวิทยุใหม่ เดือนรอมฎอน


          ผอ.สวท.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส บรรจุรายการ “ซีอัลอิสลามช่วงเดือนรอมฎอน” ออกอากาศตลอดเดือนรอมฎอน เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับหลักคำสอนและบทบัญญัติทางศาสนาที่ถูกต้องแก่ประชาชนในพื้นที่นี้  ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส บรรจุรายการ “ซีอัลอิสลามช่วงเดือนรอมฎอน” ออกอากาศตลอดเดือนรอมฎอน เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับหลักคำสอนและบทบัญญัติทางศาสนาที่ถูกต้องแก่ประชาชนในพื้นที่นี้
นายนริศ แก้วนพรัตน์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย สุไหงโก-ลก บรรจุรายการ “ซีอัลอิสลามช่วงเดือนรอมฎอน” เข้าผังรายการวิทยุในช่วงเดือนรอมฎอน โดยมีนายอินทศักดิ์ หวังมี รองประธานโต๊ะอิหม่ามเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก และนายฮัมดัน มามุ ผู้ดำเนินรายการภาษามลายู มาจัดรายการ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับหลักธรรมคำสอน และการปฏิบัติตนที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลามในช่วงเดือนรอมฎอน
          ทั้งนี้รายการดังกล่าว จัดทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 17.20-19.00 น.ทาง สวท.สุไหงโก-ลก FM 106.50 MHz. และ facebook live ทาง fanpage "สวท.สุไหงโก-ลก" โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นพี่น้องไทยมุสลิมในพื้นที่รับฟัง คือ จังหวัดนราธิวาส บางส่วนของจังหวัดยะลาและปัตตานี รวมทั้งคนไทยที่ทำงานในประเทศมาเลเซีย ในเขตรัฐกลันตัน และตรังกานู
          นายนริศ แก้วนพรัตน์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย สุไหงโก-ลก กล่าวว่า เสาหลักที่ยึดโยงวิถีชีวิตและการปฏิบัติตนของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ศาสนา จึงมุ่งหวังว่ารายการ “ซีอัลอิสลามช่วงเดือนรอมฎอน” จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทยมุสลิม ที่จะได้นำความรู้และหลักคำสอนไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ป้องกันการบิดเบือนข้อมูลอันเป็นเท็จจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี

ผู้ว่าฯ นราธิวาส พร้อม ผบ.ฉก.นราธิวาส ลงพื้นที่รับฟังเสียงชาวบ้านจากกรณีฝ่ายความมั่นคงปิดท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก


          ผู้ว่าฯ นราธิวาส พร้อม ผบ.ฉก.นราธิวาส ลงพื้นที่รับฟังเสียงชาวบ้านจากกรณีฝ่ายความมั่นคงปิดท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ขณะที่ประธานชุมชนท่าชมพู่ยื่นข้อเรียกร้อง 4 ข้อ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้    ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อม ผบ.ฉก.นราธิวาส ลงพื้นที่รับฟังเสียงชาวบ้านจากกรณีฝ่ายความมั่นคงปิดท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ขณะที่ประธานชุมชนท่าชมพู่ยื่นข้อเรียกร้อง 4 ข้อ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้
วันที่ (11 มิ.ย. 60) นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมพลตรี วิชาญ สุขสง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส นายสมหวัง เรืองเพ็ง ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก นายอภิเชษฐ์ เจ๊ะอูมา รองนายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ร่วมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อเรียกร้องจากประธานชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก เจ้าของท่าจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก และท่าข้ามไม่ถูกต้องตามกฎหมายในพื้นที่ตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ณ ห้องประชุม ดร.เจษฎา ที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
         ทั้งนี้ในที่ประชุม นายไพรัตน์ บินมามะ ประธานชุมชนท่าชมพู่ ได้ยื่นเอกสารข้อเรียกร้องใน 4 ข้อ เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาประกอบด้วย ขอให้ฝ่ายความมั่นคงได้โปรดเปิดท่าข้ามที่มีอยู่ในปัจจุบัน จำนวน 5 ท่า ประกอบด้วย 1.ท่ากอไผ่ ท่าโรงเลื่อย ท่าโต๊ะแว ท่าเจ๊ะกาเซ็ง และท่าชมพู่ พร้อมไปกับจุดผ่อนปรนท่าประปา ซึ่งเป็นท่าถูกกฎหมายตามปกติ เพื่อให้ทุกคนได้ประกอบอาชีพ ไปเรียนหนังสือ เดินทางท่องเที่ยว และสัญจรทางเรือ เพื่อเดินทางเข้าออกสุไหงโก-ลก-รันตูปัน ยังตามปกติ , 2.หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเปิดท่าข้ามทั้งหมดแล้ว ทุกชมชนจะจัดชาวบ้านในชุมชนมาร่วมเป็นจิตอาสาช่วยดูแล ตรวจตรา สอดส่อง การเดินทางเข้าออก ณ จุดผ่อนปรน และท่าข้ามของทุกชุมชน จุดละ 2 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาปฏิบัติงานตลอดเวลา , 3.ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศที่จะเดินทางเข้าออก ณ ท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนวางไว้ ณ จุดผ่อนปรน และท่าข้ามนั้นๆทุกครั้ง เพื่อให้สะดวกต่อการตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้าออกในพื้นที่ดังกล่าว , 4.ขอให้พิจารณาตั้งท่าข้ามที่เหลืออีก 5 จุด เป็นจุดผ่อนปรนที่ถูกกฏหมาย โดยขอยืนยันว่าหลังจากนี้จะไม่มีการลักลอบเปิดท่าข้ามที่อยู่นอกเหนือจากนี้อย่างเด็ดขาด พร้อมเสนอให้ตั้งคณะกรรมการจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ที่มีนายอำเภอเป็นประธาน นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ประธานชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก และเจ้าของท่าเรือทั้งหมดเป็นคณะกรรมการ เพื่อจะได้ร่วมกันตรวจสอบและควบคุมให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งในส่วนของประธานชุมชน ประชาชนในชุมชน และเจ้าของท่าข้ามทุกแห่งพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนมาตรการการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนในทุกรูปแบบ เพื่อป้องกันการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
          ทั้งนี้เบื้องต้นอยากข้อความกรุณาให้เปิดท่าข้าม จำนวน 5 ท่า ในห้วงนี้ไปก่อน เพราะเป็นเดือนรอมฎอนที่ต่อเนื่องไปถึงเทศกาลวันฮารีรายอ ที่ประชาชนต้องหารายได้เพื่อใช้จ่ายในเทศกาลสำคัญนี้ ประกอบกับแรงงานไทยในประเทศมาเลเซีย ก็เตรียมเดินทางกลับเข้ามาเฉลิมฉลองในเทศกาลวันฮารีรายอด้วย
          ด้านพลตรี วิชาญ สุขสง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวว่า จากข้อมูลด้านการข่าวที่ผ่านมาพบว่าคนผู้ก่อความไม่สงบ จะใช้ช่องทางบริเวณด่านชายแดนในพื้นที่รอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเส้นทางหลบหนี โดยมีสถิติด้านการข่าวที่ชัดเจน ประกอบกับปัจจุบันจังหวัดนราธิวาสมีจุดผ่อนปรนถูกกฎหมายในพื้นที่ จำนวน 7 จุด คือ ที่ตำบลกายูคละ และตำบลฆอเลาะ อำเภอแว้ง จำนวน 2 จุด ตำบลเกาะสะท้อน และตำบลโฆษิต อำเภอตากใบ จำนวน 3 จุด ตำบลมูโนะ และตำบลสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จำนวน 2 จุด ในส่วนที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก คือ จุดผ่อนปรนท่าประปา ส่วนท่าข้ามที่เหลืออีก 6 จุด คือ ท่าข้ามที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย
ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินมาตรการรักษาความมั่นคงชายแดน และภาครวมของความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบสังคมและควบคุมพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อย่างไรก็ตามก็ยอมรับว่าแนวทางดังกล่าวได้ส่งผลกระทบ และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและระบบเศรษฐกิจในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก เป็นวงกว้าง ซึ่งจากข้อเรียกร้องที่ได้รับจากผู้ได้รับผลกระทบในวันนี้ จะนำส่งให้ผู้บังคับบัญชาได้ร่วมพิจารณาเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาต่อไป
          ส่วนนายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ภาครัฐให้ความสำคัญกับทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับบริบทในพื้นที่ โดยเฉพาะด้านความมั่นคง และการพัฒนา เพื่อให้ประชาชนได้มีอาชีพ มีรายได้ และดำเนินชีวิตตามวิถีชุมชนชายแดนใต้ แต่การดำเนินการในเรื่องนี้ต้องคำนึงถึงกรอบของกฎหมายเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยควบคู่ไปด้วย ดังนั้นข้อสรุปตามแนวทางที่มีการเรียกร้องมา จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด เพราะมาตรการการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตามแนวชายแดนของจังหวัดนราธิวาสเกี่ยวพันกับหลายภาคส่วน ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาในทุกระดับด้วย แต่ยืนยันจะเร่งดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ไทย-มาเลเซีย ร่วมรักษาความปลอดภัยพื้นที่ชายแดน


 ในวันจันทร์ (5 มิถุนายน 2560) นี้ พล.ต.สิทธิพร มุสิกะสิน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 พร้อมด้วยผู้บัญชาการกองกำลังในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ได้เดินทางไปประสานการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงกับทหารมาเลเซีย ในรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนสองประเทศ

โดย พล.ต.สิทธิพร มุสิกะสิน ผบ.พล.ร.5 และ พ.อ.วรเดช เดชรักษา ผบ.ฉก.ร.5 ได้พบปะกับ พ.ท.ฟอซี่ ผบ.พัน.ร.24 RAMD ที่บริเวณ ฐานปฏิบัติการซาฮาร่า บ้านดุเรียนบุรง ปาดังเบรัค รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 และทหารสังกัดกองพันที่ 24  กองพลทหารราบที่ 2 ของมาเลเซีย ได้ร่วมเดินทางไปบริเวณด่านประกอบ ในพื้นที่อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา และอำเภอปาดังเบรัค รัฐเกดะห์ มาเลเซีย เพื่อสาธิตร่วมการรักษาความปลอดภัยด้วย

"ขอให้การลาดตระเวนในครั้งต่อไป คำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาใช้พื้นที่ที่เอื้อต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย" 

           พล.ต.สิทธิพร มุสิกะสิน กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว


ความร่วมมือในการรักษาความปลอดภัยร่วมของไทย-มาเลเซียในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากพลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางตรวจราชการและตรวจเยี่ยมกำลังพลในสามจังหวัดชายแดนใต้ เมื่อสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งทาง ผบ.ทบ. ได้สั่งการให้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ชุดหน่วยงานขนาดเล็กเข้ามาดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่เขตชายแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย เพื่อป้องกันการเข้าออกที่ผิดกฎหมาย และการนำอาวุธ-กระสุน เข้ามาในพื้นที่

รวมทั้งได้มีการจัดกำลังชุดเฉพาะกิจลาดตระเวนในพื้นที่สำคัญ ทั้งพื้นที่ป่าเขา บริเวณลำน้ำ เพื่อดำเนินการรักษาความปลอดภัย ซึ่งในวันนี้ มีกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมดูแลความปลอดภัยตามเขตแดน และพื้นที่ต่างๆ อย่างหนาแน่น

ซึ่ง พลเอกเฉลิมชัย ผบ.ทบ. เป็นห่วง และให้ความสำคัญต่อการลักลอบขนระเบิด และวัตถุประกอบระเบิด เข้ามาตามแนวชายแดน

ทั้งนี้ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. พร้อมคณะ เดินทางไปยังกองร้อยที่ 2 ป้องกันชายแดน บ้านศรีพงัน ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยมีพลโทปิยะวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พล.ต.วิชาญ สุขสม ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ให้การต้อนรับ ผู้บัญชาการทหารบกได้ฟังบรรยายสุรป การปฎิบัติงานป้องกันชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อความมั่นคง จากพันเอกสุรเดช สุกนุ้ย หัวหน้าฝ่ายยุทธการ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส

แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้านพื้นที่จังหวัดนราธิวาส มีพื้นที่ครอบคลุม 5 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอจะแนะ อำเภอสุคิริน อำเภอแว้ง อำเภอตากใบ และอำเภอสุไหงโกลก มีระยะทาง 151 กิโลเมตร มีช่องทางถูกต้องตามกฎหมายเพียง 3 ช่องทาง นอกนั้น เป็นช่องทางผ่อนปรนและช่องทางเถื่อน ซึ่งในบางพื้นที่ดังกล่าว พบปัญหาการลักลอบข้ามแดน การเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ปัญหาบุคคลสองสัญชาติ ยาเสพติด ของหนีภาษี และการขนย้ายวัตถุระเบิดเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

เลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลชี้แจงการปิดช่องทางผ่อนปรนในสุไหงโกลก

นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ได้กล่าวถึงกรณีที่นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ภาคธุรกิจ ได้มายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2560 เรื่องการเปิด-ปิดด่านชายแดนว่า ก่อนหน้านั้น ตนได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอ และฝ่ายหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งเห็นผลตรงกันว่าต้องมีการดูแลด่านตรวจในเขตชายแดนอย่างเข้มงวด เนื่องจากงานการข่าวมีการแจ้งว่าในช่วงเดือนรอมฎอน อาจมีผู้ไม่หวังดีข้ามฝั่งมาก่อเหตุร้ายได้

นายภาณุ กล่าวว่า สำหรับช่องทางผ่านแดนที่มีการผ่อนปรนในสุไหงโกลกนั้น พี่น้องประชาชนสามารถเดินทางข้ามแดนไปมาใน 2 ช่องทาง คือ ท่ามูโน๊ะ และ ท่าประปา  แต่สำหรับท่าเรืออีก 5 แห่ง ที่ยังไม่ได้รับการประกาศเป็นเขตผ่อนปรนอย่างเป็นทางการนั้น เมื่อมีการประกาศกวดขันในช่วงเวลาดังกล่าว ก็อาจจะส่งผลให้ต้องปิดลง แต่เป็นเพียงชั่วคราว

"จากการข่าวที่ได้รับทำให้ฝ่ายความมั่นคงต้องเข้มงวด หากต้องปิดท่าดังกล่าว ก็เป็นไปตามงานการข่าว จะปิดแค่ชั่วคราวเท่านั้น จะกี่วันคงต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เราไม่ได้มีการประกาศยกเลิกช่องทางเข้า-ออก ทั้ง 7 แห่ง ซึ่งหากจำเป็นก็ต้องมีการหารือ เพื่อฟังเสียงส่วนใหญ่"

             นายภาณุ กล่าวเพิ่มเติม

กิจกรรมสหกรณ์นักเรียน ประจำปี 2560

จังหวัดปัตตานี จัดงาน 7 มิถุนายน 2560 วันกิจกรรมสหกรณ์นักเรียน ประจำปี 2560 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

         วันที่ 7 มิถุนายน 2560 ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี นายลือชัย เจริญทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานเปิดงาน 7 มิถุนายน 2560 วันกิจกรรมสหกรณ์นักเรียน จังหวัดปัตตานี ประจำปี 2560 พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการและการออกร้านของโรงเรียนต่างๆ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ คณะครู อาจารย์ นักเรียน และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม
         นางรอซนานี สันหมุด สหกรณ์จังหวัดปัตตานี กล่าวว่า สืบเนื่องจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงรับสั่งกับอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เมื่อปี 2534 ว่า ให้มีการจัดการเรียนรู้วิชาการสหกรณ์ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ดังนั้นกรมส่งเสริมสหกรณ์ จึงได้สนองพระราชดำริ จัดให้มีการเรียนรู้สหกรณ์ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนและขยายผลสู่โรงเรียนต่างๆ ในโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 444 โรงเรียนทั่วประเทศ ในปัจจุบันทั้งในรูปแบบการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมสหกรณ์นักเรียน และกำหนดวันที่ 7 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันสหกรณ์นักเรียน จัดงานครั้งแรกเมื่อปี 2552
         และในปีนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้จัดขึ้นในทุกจังหวัดพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงริเริ่มให้มีการจัดการเรียนรู้การสหกรณ์ในโรงเรียนให้แพร่หลาย และเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ กิจกรรมมีการจัดนิทรรศการทางวิชาการ การประกวดเรียงความ กิจกรรมสหกรณ์โรงเรียน กิจกรรมสหกรณ์นักเรียนดีเด่น การแสดงบนเวทีของนักเรียน การมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดต่างๆ และกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วันพุธที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ยะลาคึกคัก !! สตรีชาวไทยมุสลิมเลือกซื้อผ้าตัดชุดใส่รายอ สีโทนเขียวมาแรง


             สตรีชาวไทยมุสลิม เลือกซื้อผ้าชิ้นตัดชุด เตรียมสวมใส่รายอคึกคัก ร้านขายผ้าชิ้นยะลา คึกคัก  สตรีชาวไทยมุสลิมเลือกซื้อผ้าตัดชุด เตรียมสวมใส่รายอต่อเนื่อง ขณะที่โทนเขียวมาแรง นิยมเป็นครอบครัว
             วันนี้ (7 มิ.ย. 60) บรรยากาศที่ร้านจำหน่ายผ้าชิ้น สำหรับนำไปตัดเสื้อผ้า “มูฮัมหมัด อับดุเลาะ” ถนนรถไฟ เขตเทศบาลนครยะลา เป็นไปอย่างคึกคัก มีสตรีชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดยะลา และพื้นที่ใกล้เคียงเดินทางมาเลือกซื้อผ้าชิ้นกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปตัดชุดรายอเตรียมไว้สวมใส่ในวันฮารีรายอที่จะมาถึงนี้ โดยทางร้านจะมีผ้าให้เลือกหลายสี หลายชนิด ทั้งแบบถูก แบบแพง ตั้งแต่หลาละ 70 กว่าบาท ไปจนไปถึงหลาละ 320 บาท ขณะเจ้าของร้าน เปิดเผยว่า จริงๆ แล้ว ชาวไทยมุสลิมบางคนก็จะมาเลือกซื้อผ้าชิ้นกันตั้งแต่เริ่มถือศีลอด (ปอซอ) แล้ว เนื่องจากจะได้มีเวลาไปหาร้านตัดชุดรายอเตรียมไว้เลย พอผ่านเดือนถือศีลอดไป อาทิตย์กว่าๆ ช่วงนี้ก็เหลืออีก 20 กว่าวัน จะถึงวันอีฎิ้ลฟิตรี (วันฮารีรายอ) จะมีชาวไทยมุสลิมมาเลือกซื้อกันมากขึ้น สำหรับราคาจะเหมือนกับปีที่แล้วไม่เปลี่ยนแปลง ขายให้ลูกค้าได้ไปตัดชุดรายอ ได้มีชุดรายอไว้สวมใส่ ส่วนใหญ่ปีนี้จะนิยมซื้อกันเป็นทีม เป็นครอบครัว ซึ่งสามารถนำไปตัดชุดได้ทั้งผู้หญิง ชุดอาบายะห์ยาว (ชุดบายะยาว) ชุดกูรง ชุดผู้ชาย เสื้อโต๊บ เสื้อปากี คนละประมาณ 2 หลาครึ่ง ราคาก็อยู่ที่ 187 บาท แล้วแต่รูปร่างของแต่ละคน ด้วย โดยผ้าที่นิยมซื้อก็จะเป็นผ้าไดมอนด์ ผ้าเบลล่า
             นอกจากนี้ ยังมีผ้าดูไบราคาหลาละ 320 บาท ด้วย ส่วนสีในปีนี้จะเลือกซื้อสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ รองลงมาเป็นสีแดงเลือด สีน้ำเงิน สีเทา โดยลูกค้าที่มาเลือกซื้อผ้าชิ้น จะบอกว่าถ้าไปซื้อชุดรายอที่ตัดไว้แล้ว จะสวมใส่ไม่พอดีตัว จึงเลือกที่จะมาซื้อผ้าชิ้นนำไปตัดเอง

ผู้ว่าฯ ยะลา ตรวจเยี่ยมการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวะศึกษายะลา เน้นการประดิษฐ์ดอกพิกุล ดอกไม้ประจำจังหวัดยะลา


         ผู้ว่าฯ ยะลา ตรวจเยี่ยมการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวะศึกษายะลา เน้นการประดิษฐ์ดอกพิกุล ดอกไม้ประจำจังหวัดยะลา ที่วิทยาลัยอาชีวะศึกษายะลา หมู่ที่ 5 ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้ตรวจเยี่ยมการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวะศึกษายะลา โดยมีนายอิสมัน อิสะมะแอ ผู้อำนวยการ วิทยาลัยอาชีวศึกษายะลา รองผู้อำนวยการ คณะครู และนักศึกษา ร่วมให้การต้อนรับ สำหรับการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ นางสาวพุชศวัลย์ แก้วประเทือง หัวหน้าภาควิชาคหกรรมธุรกิจ/อาจารย์ผู้สอน ได้สาธิตขั้นตอนวิธีการทำดอกไม้จันทน์ โดยได้นำตัวอย่างของดอกไม้ที่ใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งมีทั้งหมด 7 แบบชนิด ประกอบด้วย ดอกดารารัตน์ , ดอกกุหลาบ , ดอกพุดตาน , ดอกลิลลี่ , ดอกกล้วยไม้ , ดอกชบาทิพย์ และดอกชบาหนู มาให้นักศึกษาได้ลองทำ ลองประดิษฐ์ ทั้งนี้ ทางวิทยาลัยอาชีวะศึกษายะลา เน้นการประดิษฐ์ดอกพิกุล ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดยะลา ใช้วัสดุธรรมชาติที่มีในพื้นที่ อาทิเช่น เปลือกข้าวโพด , ใบตองแห้ง และใบยางพารา เป็นต้น
         สำหรับจังหวัดยะลา มีเป้าหมายในการจัดทำดอกไม้จันทน์ จำนวน 99,999 ดอก เพื่อให้ประชาชนได้นำไปร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยได้มอบหมายให้เทศบาลนครยะลาจัดทำดอกไม้จันทน์ จำนวน 30,000 ดอก , อำเภอเบตง 20,000 ดอก และจังหวัด 49,999 ดอก รวมถึงดอกไม้จันทน์ที่เป็นตัวแทนของจังหวัด (ดอกพิกุล) จำนวน 8 ดอก เพื่อนำไปวางในพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของภาคประชาชนในส่วนภูมิภาค

" นี่ไม่ใช่ครั้งแรก " ฆาตกรรมโดยรัฐ - วิสามัญฆาตกรรมอย่างเป็นระบบ ความคลางแคลงใจของชุมชนปาตานีต่อรัฐไทย

          เมื่อวันอังคาร ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2560 เวลาประมาณ 14.00 น. สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) ได้เดินทางไ...