วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

" นี่ไม่ใช่ครั้งแรก " ฆาตกรรมโดยรัฐ - วิสามัญฆาตกรรมอย่างเป็นระบบ ความคลางแคลงใจของชุมชนปาตานีต่อรัฐไทย




          เมื่อวันอังคาร ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2560 เวลาประมาณ 14.00 น. สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) ได้เดินทางไปเยี่ยมเยือนครอบครัวของนายเปายี ตาสาเมาะ กรณีการถูกฆาตกรรมโดยรัฐเมื่อวันศุกร์ ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2560 หลังบ้านของตัวเองที่ ม.4 ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี อีกทั้งเพื่อเก็บข้อมูลข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกับญาติผู้เสียชีวิต
          นางไซตง มะดิเยาะ ภรรยานายเปายี ตาสาเมาะ สะท้อนความรู้สึกว่ายังคงรู้สึกใจหายกับการสูญเสียเสาหลักของครอบครัวอย่างน่ากังขาและการที่สามีถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม ลูกชายคนเล็กยังคงเรียกถามหาพ่อ “ทำไมพ่อถึงตาย ทำไมต้องเอาดินฝังพ่อด้วย ทำไมพ่อต้องไปอยู่ในหลุม(กูโบร์) ” นางก็ได้แต่ตอบเพื่อให้ลูกชายคนเล็กสบายใจไปว่า “พ่อเสียชีวิตเพราะล้มรถ”
          ตลอด 5 วันที่ผ่านมาเธอยังคงเสียใจต่อการจากไปของสามีและยังเป็นกังวลหลังจากที่มีการนำเสนอข้อเท็จจริงผ่านโซเชียลมีเดียซึ่งมันสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของเธอไปจนหมดสิ้น จนเธอเผลอเอ่ยความจริงที่ว่า สามีของเธอถูกเจ้าหน้าที่ที่มาควบคุมตัวเมื่อตอนดึกวันพุธ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2560 ข่มขู่ให้รับคำสารภาพ หากไม่รับคำสารภาพจะยิงทิ้งลงแม่น้ำ ถ้อยคำเหล่านั้นยังคงก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเธอ และเธอกังวลว่าข้อเท็จจริงนี้จะทำให้ครอบครัวของเธอเดือดร้อนก็เป็นได้ อีกทั้งตลอด 5 วันที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ยังคงอยู่วนเวียนอยู่ในชุมชน ละแวกบ้าน และสถานที่เกิดเหตุอย่างเป็นนัยสำคัญ
          นายเปายี ตาสาเมาะ ผู้มีรอยยิ้มและความจริงใจเป็นอาวุธ
          นางไซตง และนายเปายี มีบุตรด้วยกัน 3 คน ลูกชายคนโตอายุ 17 ปี ลูกสาวคนกลางอายุ 13 ปี และลุกชายคนเล็กอายุ 4 ขวบ ครอบครัวของเธอใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายภายในชุมชนแห่งนี้ที่แวดล้อมไปด้วยเครือญาติที่คอยช่วยเหลือกันและกัน เธอเล่าว่า “สามีของเธอทำงานเป็นนักการภารโรงอยู่ที่สหกรณ์อิสลามปัตตานี ต.ตะลูโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี เขาไม่เคยเถลไถลไปไหน ไม่เคยไปเที่ยวออกจากบ้านนาน ๆ ไปร้านน้ำชาตอนค่ำบ้างเป็นบ้างครั้งแต่ก็จะกลับบ้านก่อนสี่ทุ่มทุกครั้งไป
          นายเปายี เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น และเข้ากับคนอื่นได้ง่าย นายเปายี ชอบหยอกล้อกับเด็ก ๆ ในหมู่บ้านเป็นประจำและเป็นที่รู้จักของเด็ก ๆ ในชุมชนเป็นอย่างดี อาจจะเป็นเพราะสามีของเธอเป็นคนที่อารมณ์ดีและบ่อยครั้งที่เขาจะชอบเล่นมุขตลก ๆ จนทำให้ใครหลายคนประทับใจในตัวเขา ซึ่งหลายคนจะเรียกขานเขาว่าเป็น “ตลกหน้าตาย” ญาติคนหนึ่งของนายเปายีเล่าว่า “ขณะตอนที่อาบน้ำศพเรียบร้อยแล้ว เตรียมที่จะพาไปทำพิธีทางศาสนาที่มัสยิดต่อ ขณะที่ให้ครอบครัวได้หอมแก้มลาครั้งสุดท้าย เขา (นายเปายี) ยังคงส่ง ยิ้มหวาน ให้ผู้คนอีกด้วย”
คำถามคาใจและข้อสังเกตจากชุมชนและครอบครัว

1.บาดแผลของนายเปายี ที่รายงานจากผู้อาบน้ำศพ : 
- รอยแผลบริเวณหน้าแข็งฉีกขาดไม่เหลือรูปเดิมจนสามารถพับเป็นสองท่อนได้
- รอยกระสุนปืนสามนัดบริเวณหน้าท้องข้างขวา
- รอยแผลฉีกระเบิดบริเวณหน้าอกข้างขวา
- รอยกระสุนเฉี่ยวบริเวณแก้มข้างขวา
2.หากนายเปายี พยายามยิงต่อสู้เพื่อหลบหนีจากการควบคุมตัวและหลบหนีลงแม่น้ำชลประทาน ขณะที่เจ้าหน้าที่ยิงปืนไล่ล่าอยู่นั้น หากกระสุนปืนโดนตัวนายเปายี กระสุนก็น่าจะโดนข้างหลัง แต่ทำไมถึงมีรอยกระสุนปืนที่เฉี่ยวโดนแก้มนายเปายีจากข้างหน้า
3.เสียงปืนที่ยิงกระหน่ำขณะที่เจ้าหน้าที่นำนายเปายีทำแผนชี้จุดซุกซ่อนอาวุธปืน หากกระสุนปืนโดนนายเปายีขณะว่ายน้ำข้ามฝั่ง คาดว่าเขาคงไม่สามารถว่ายน้ำข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้เพราะวันนั้นกระแสน้ำเชี่ยวมาก
4.ครอบครัวได้รับรายงานจากโรงพยาบาลจังหวัดปัตตานีว่า “ผลการชันสูตรศพจากแพทย์มีรอยกะโหลกราวและมีเลือดคั่งในสมอง” คำถามคือ รอยกระสุนปืนหนึ่งนัดที่เฉี่ยวโดนแก้มของนายเปายีนั้นส่งผลให้เกิดอาการกะโหลกร้าวและเลือดคั่งในสมอง หรืออาการเลือดคั่งในสมองเกิดจากการกระทบกระทั่งจากวัตถุอย่างอื่น !?
5.เหตุใดในช่วงที่เจ้าหน้าที่นำนายเปายี ไปทำแผนชี้จุดซุกซ่อนอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้างนั้น ถึงไม่มีผู้นำชุมชนไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ด้วย หรือ รัฐตั้งใจให้เกิดการอำพรางอย่างที่สังคมตั้งข้อสงสัยอยู่ อีกทั้งยังไม่มีการแถลงการณ์หรือชี้แจ้งแต่อย่างใดจากรัฐ !?
6.เหตุใดเจ้าหน้าที่จึงพยายามกีดกั้นไม่ให้ครอบครัวและผู้นำของชุมชนเข้าไปดูสภาพศพ และกว่าที่จะสามารถเคลื่อนย้ายศพไปจากสถานที่เกิดเหตุได้ใช้เวลาอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่กว่า 4 ชั่วโมง หรือรัฐยื้อเวลาเพื่ออำพรางคดี

          นักศึกษาไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทหารพรานขอถ่ายรูปบัตรประชาชน
          ต่อมานักศึกษาได้ไปสำรวจสถานที่ที่คาดว่าเป็นสถานที่สังหารนายเปายี ตาสาเมาะ ที่ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่รกทึบเต็มไปด้วยโพรงหญ้า ซึ่งชาวบ้านกล่าวว่าบริเวณแทบนี้เดิมทีก็ไม่มีผู้ที่สัญจรไปมาอยู่แล้วพอเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ในขณะที่นักศึกษากำลังจะเดินทางกลับ ทหารพรานหน่วยสนับสนุน 100 ร. 1531 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวนประมาณ 15 คน ได้มาสอบถามกับนักศึกษาถึงเป้าหมายของการมาลงพื้นที่ในครั้งนี้และได้ถามรายละเอียดเกี่ยวกับนักศึกษาที่มาเยี่ยมในครั้งนี้ว่ามาจากมหาวิทยาลัยใดบ้าง อีกทั้งยังได้ขอถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนของนายอารีฟีน โสะ ประธานสหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) โดยอ้างว่าจะขอเก็บไว้เป็นหลักฐานว่ามีนักศึกษามาเยี่ยมครอบครัวนายเปายี ตาสาเมาะ
ความคิดเห็นของนักศึกษา
          “หนูรู้สึกเห็นใจต่อครอบครัวของแบเปายี ตาสาเมาะ เป็นอย่างมาก การสูญเสียเสาหลักของครอบครัว ผู้เป็นที่พึ่งของครอบครัว ไหนจะลูก ๆ อีกสามคนที่ขาดผู้นำของครอบครัว” นักศึกษาหญิงคนหนึ่ง(ไม่ประสงค์ออกนาม) ให้ความเห็นและกล่าวต่อว่า “เราเห็นดวงตาของกะไซตง ว่าพร้อมที่จะหลั่งน้ำตาออกมาได้ทุกเมื่อ เมื่อพูดถึงเรื่องสามีของเธอ ซึ่งหนูไม่อยากให้กระบวนการยิง ตาย จ่าย จบ เกิดขึ้นอีก เพราะมันเป้นการสูญเสียที่ทุกคนไม่ต้องการและอยากให้กรณีนี้เป็นกรณีครั้งสุด” นักศึกษาหญิงกล่าวทิ้งท้าย
          นายอารีฟีน โสะ ประธานสหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS)" นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เกิดเหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรมอย่างเป็นระบบและมีการอำพรางคดี เช่น กรณีการสังหารเยาวชนอายุ 14 ปีที่ศรีสาคร เมื่อปี 2557 ที่มีการอำพรางโดยการยัดเหยียดน้ำกระท่อมใส่ตะกร้ารถ หรือ กรณีการสังหารนักศึกษา 4 ศพ ที่ทุ่งยางแดง ที่มีการอำพรางด้วยการสร้างข่าวว่าเป็นการปิดล้อมและปะทะกลุ่มขบวนการ หรือ กรณีสังหาร 2 ศพ ที่ตำบลโคกสะตอ อำเภอรือเสาะ ที่หนึ่งในนั้นเป็นอดีตนักศึกษา นักกิจกรรมปาตานี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2560 ซึ่งก็ยังไม่สามารถทำให้สังคมคลายข้อสงสัยไปได้ว่านี่ไม่ใช่การจัดฉากของเจ้าหน้าที่ หรือ กรณีนายอับดุลลายิ ที่เสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัวที่ค่ายอิงคยุทธเมื่อปลายปี 58 ที่สังคมเชื่อว่ามันเป็นหนึ่งในกระบวนการอำพรางของเจ้าหน้าที่เช่นเดียวกัน” นายอารีฟีน เพิ่มเติมอีกว่า “ ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้นำมาซึ่งคำถามว่า การวิสามัญฆาตกรรมนั้นถูกกระทำเป็นกระบวนการอย่างเป็นระบบหรือไม่” ที่มาThe Federation of Patani Students and Youth - PerMAS







" นี่ไม่ใช่ครั้งแรก " ฆาตกรรมโดยรัฐ - วิสามัญฆาตกรรมอย่างเป็นระบบ ความคลางแคลงใจของชุมชนปาตานีต่อรัฐไทย

          เมื่อวันอังคาร ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2560 เวลาประมาณ 14.00 น. สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) ได้เดินทางไ...