วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

" นี่ไม่ใช่ครั้งแรก " ฆาตกรรมโดยรัฐ - วิสามัญฆาตกรรมอย่างเป็นระบบ ความคลางแคลงใจของชุมชนปาตานีต่อรัฐไทย




          เมื่อวันอังคาร ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2560 เวลาประมาณ 14.00 น. สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) ได้เดินทางไปเยี่ยมเยือนครอบครัวของนายเปายี ตาสาเมาะ กรณีการถูกฆาตกรรมโดยรัฐเมื่อวันศุกร์ ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2560 หลังบ้านของตัวเองที่ ม.4 ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี อีกทั้งเพื่อเก็บข้อมูลข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกับญาติผู้เสียชีวิต
          นางไซตง มะดิเยาะ ภรรยานายเปายี ตาสาเมาะ สะท้อนความรู้สึกว่ายังคงรู้สึกใจหายกับการสูญเสียเสาหลักของครอบครัวอย่างน่ากังขาและการที่สามีถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม ลูกชายคนเล็กยังคงเรียกถามหาพ่อ “ทำไมพ่อถึงตาย ทำไมต้องเอาดินฝังพ่อด้วย ทำไมพ่อต้องไปอยู่ในหลุม(กูโบร์) ” นางก็ได้แต่ตอบเพื่อให้ลูกชายคนเล็กสบายใจไปว่า “พ่อเสียชีวิตเพราะล้มรถ”
          ตลอด 5 วันที่ผ่านมาเธอยังคงเสียใจต่อการจากไปของสามีและยังเป็นกังวลหลังจากที่มีการนำเสนอข้อเท็จจริงผ่านโซเชียลมีเดียซึ่งมันสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของเธอไปจนหมดสิ้น จนเธอเผลอเอ่ยความจริงที่ว่า สามีของเธอถูกเจ้าหน้าที่ที่มาควบคุมตัวเมื่อตอนดึกวันพุธ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2560 ข่มขู่ให้รับคำสารภาพ หากไม่รับคำสารภาพจะยิงทิ้งลงแม่น้ำ ถ้อยคำเหล่านั้นยังคงก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเธอ และเธอกังวลว่าข้อเท็จจริงนี้จะทำให้ครอบครัวของเธอเดือดร้อนก็เป็นได้ อีกทั้งตลอด 5 วันที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ยังคงอยู่วนเวียนอยู่ในชุมชน ละแวกบ้าน และสถานที่เกิดเหตุอย่างเป็นนัยสำคัญ
          นายเปายี ตาสาเมาะ ผู้มีรอยยิ้มและความจริงใจเป็นอาวุธ
          นางไซตง และนายเปายี มีบุตรด้วยกัน 3 คน ลูกชายคนโตอายุ 17 ปี ลูกสาวคนกลางอายุ 13 ปี และลุกชายคนเล็กอายุ 4 ขวบ ครอบครัวของเธอใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายภายในชุมชนแห่งนี้ที่แวดล้อมไปด้วยเครือญาติที่คอยช่วยเหลือกันและกัน เธอเล่าว่า “สามีของเธอทำงานเป็นนักการภารโรงอยู่ที่สหกรณ์อิสลามปัตตานี ต.ตะลูโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี เขาไม่เคยเถลไถลไปไหน ไม่เคยไปเที่ยวออกจากบ้านนาน ๆ ไปร้านน้ำชาตอนค่ำบ้างเป็นบ้างครั้งแต่ก็จะกลับบ้านก่อนสี่ทุ่มทุกครั้งไป
          นายเปายี เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น และเข้ากับคนอื่นได้ง่าย นายเปายี ชอบหยอกล้อกับเด็ก ๆ ในหมู่บ้านเป็นประจำและเป็นที่รู้จักของเด็ก ๆ ในชุมชนเป็นอย่างดี อาจจะเป็นเพราะสามีของเธอเป็นคนที่อารมณ์ดีและบ่อยครั้งที่เขาจะชอบเล่นมุขตลก ๆ จนทำให้ใครหลายคนประทับใจในตัวเขา ซึ่งหลายคนจะเรียกขานเขาว่าเป็น “ตลกหน้าตาย” ญาติคนหนึ่งของนายเปายีเล่าว่า “ขณะตอนที่อาบน้ำศพเรียบร้อยแล้ว เตรียมที่จะพาไปทำพิธีทางศาสนาที่มัสยิดต่อ ขณะที่ให้ครอบครัวได้หอมแก้มลาครั้งสุดท้าย เขา (นายเปายี) ยังคงส่ง ยิ้มหวาน ให้ผู้คนอีกด้วย”
คำถามคาใจและข้อสังเกตจากชุมชนและครอบครัว

1.บาดแผลของนายเปายี ที่รายงานจากผู้อาบน้ำศพ : 
- รอยแผลบริเวณหน้าแข็งฉีกขาดไม่เหลือรูปเดิมจนสามารถพับเป็นสองท่อนได้
- รอยกระสุนปืนสามนัดบริเวณหน้าท้องข้างขวา
- รอยแผลฉีกระเบิดบริเวณหน้าอกข้างขวา
- รอยกระสุนเฉี่ยวบริเวณแก้มข้างขวา
2.หากนายเปายี พยายามยิงต่อสู้เพื่อหลบหนีจากการควบคุมตัวและหลบหนีลงแม่น้ำชลประทาน ขณะที่เจ้าหน้าที่ยิงปืนไล่ล่าอยู่นั้น หากกระสุนปืนโดนตัวนายเปายี กระสุนก็น่าจะโดนข้างหลัง แต่ทำไมถึงมีรอยกระสุนปืนที่เฉี่ยวโดนแก้มนายเปายีจากข้างหน้า
3.เสียงปืนที่ยิงกระหน่ำขณะที่เจ้าหน้าที่นำนายเปายีทำแผนชี้จุดซุกซ่อนอาวุธปืน หากกระสุนปืนโดนนายเปายีขณะว่ายน้ำข้ามฝั่ง คาดว่าเขาคงไม่สามารถว่ายน้ำข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้เพราะวันนั้นกระแสน้ำเชี่ยวมาก
4.ครอบครัวได้รับรายงานจากโรงพยาบาลจังหวัดปัตตานีว่า “ผลการชันสูตรศพจากแพทย์มีรอยกะโหลกราวและมีเลือดคั่งในสมอง” คำถามคือ รอยกระสุนปืนหนึ่งนัดที่เฉี่ยวโดนแก้มของนายเปายีนั้นส่งผลให้เกิดอาการกะโหลกร้าวและเลือดคั่งในสมอง หรืออาการเลือดคั่งในสมองเกิดจากการกระทบกระทั่งจากวัตถุอย่างอื่น !?
5.เหตุใดในช่วงที่เจ้าหน้าที่นำนายเปายี ไปทำแผนชี้จุดซุกซ่อนอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้างนั้น ถึงไม่มีผู้นำชุมชนไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ด้วย หรือ รัฐตั้งใจให้เกิดการอำพรางอย่างที่สังคมตั้งข้อสงสัยอยู่ อีกทั้งยังไม่มีการแถลงการณ์หรือชี้แจ้งแต่อย่างใดจากรัฐ !?
6.เหตุใดเจ้าหน้าที่จึงพยายามกีดกั้นไม่ให้ครอบครัวและผู้นำของชุมชนเข้าไปดูสภาพศพ และกว่าที่จะสามารถเคลื่อนย้ายศพไปจากสถานที่เกิดเหตุได้ใช้เวลาอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่กว่า 4 ชั่วโมง หรือรัฐยื้อเวลาเพื่ออำพรางคดี

          นักศึกษาไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทหารพรานขอถ่ายรูปบัตรประชาชน
          ต่อมานักศึกษาได้ไปสำรวจสถานที่ที่คาดว่าเป็นสถานที่สังหารนายเปายี ตาสาเมาะ ที่ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่รกทึบเต็มไปด้วยโพรงหญ้า ซึ่งชาวบ้านกล่าวว่าบริเวณแทบนี้เดิมทีก็ไม่มีผู้ที่สัญจรไปมาอยู่แล้วพอเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ในขณะที่นักศึกษากำลังจะเดินทางกลับ ทหารพรานหน่วยสนับสนุน 100 ร. 1531 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวนประมาณ 15 คน ได้มาสอบถามกับนักศึกษาถึงเป้าหมายของการมาลงพื้นที่ในครั้งนี้และได้ถามรายละเอียดเกี่ยวกับนักศึกษาที่มาเยี่ยมในครั้งนี้ว่ามาจากมหาวิทยาลัยใดบ้าง อีกทั้งยังได้ขอถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนของนายอารีฟีน โสะ ประธานสหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) โดยอ้างว่าจะขอเก็บไว้เป็นหลักฐานว่ามีนักศึกษามาเยี่ยมครอบครัวนายเปายี ตาสาเมาะ
ความคิดเห็นของนักศึกษา
          “หนูรู้สึกเห็นใจต่อครอบครัวของแบเปายี ตาสาเมาะ เป็นอย่างมาก การสูญเสียเสาหลักของครอบครัว ผู้เป็นที่พึ่งของครอบครัว ไหนจะลูก ๆ อีกสามคนที่ขาดผู้นำของครอบครัว” นักศึกษาหญิงคนหนึ่ง(ไม่ประสงค์ออกนาม) ให้ความเห็นและกล่าวต่อว่า “เราเห็นดวงตาของกะไซตง ว่าพร้อมที่จะหลั่งน้ำตาออกมาได้ทุกเมื่อ เมื่อพูดถึงเรื่องสามีของเธอ ซึ่งหนูไม่อยากให้กระบวนการยิง ตาย จ่าย จบ เกิดขึ้นอีก เพราะมันเป้นการสูญเสียที่ทุกคนไม่ต้องการและอยากให้กรณีนี้เป็นกรณีครั้งสุด” นักศึกษาหญิงกล่าวทิ้งท้าย
          นายอารีฟีน โสะ ประธานสหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS)" นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เกิดเหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรมอย่างเป็นระบบและมีการอำพรางคดี เช่น กรณีการสังหารเยาวชนอายุ 14 ปีที่ศรีสาคร เมื่อปี 2557 ที่มีการอำพรางโดยการยัดเหยียดน้ำกระท่อมใส่ตะกร้ารถ หรือ กรณีการสังหารนักศึกษา 4 ศพ ที่ทุ่งยางแดง ที่มีการอำพรางด้วยการสร้างข่าวว่าเป็นการปิดล้อมและปะทะกลุ่มขบวนการ หรือ กรณีสังหาร 2 ศพ ที่ตำบลโคกสะตอ อำเภอรือเสาะ ที่หนึ่งในนั้นเป็นอดีตนักศึกษา นักกิจกรรมปาตานี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2560 ซึ่งก็ยังไม่สามารถทำให้สังคมคลายข้อสงสัยไปได้ว่านี่ไม่ใช่การจัดฉากของเจ้าหน้าที่ หรือ กรณีนายอับดุลลายิ ที่เสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัวที่ค่ายอิงคยุทธเมื่อปลายปี 58 ที่สังคมเชื่อว่ามันเป็นหนึ่งในกระบวนการอำพรางของเจ้าหน้าที่เช่นเดียวกัน” นายอารีฟีน เพิ่มเติมอีกว่า “ ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้นำมาซึ่งคำถามว่า การวิสามัญฆาตกรรมนั้นถูกกระทำเป็นกระบวนการอย่างเป็นระบบหรือไม่” ที่มาThe Federation of Patani Students and Youth - PerMAS







วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ปลัดจังหวัดนราธิวาส จัดพิธีส่งและอำนวยพรแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์


          ปลัดจังหวัดนราธิวาส ระบุคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ชื่นชมการจัดพิธีส่งและอำนวยพรแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ท่าอากาศยานนราธิวาส พร้อมยืนยันความพร้อมการจัดพิธีส่งและอำนวยพร ช่วงวันที่ 24-25 กรกฎาคม นี้
          วันนี้ (14 ก.ค. 60) นายสมหวัง เรืองเพ็ง ปลัดจังหวัดนราธิวาส กล่าวในรายการคุยกับผู้ว่า ทาง สวท.นราธิวาส ถึงการเตรียมจัดพิธีส่งและอำนวยพรแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ท่าอากาศยานนราธิวาส ว่า ในเทศกาลฮัจญ์ ประจำปี 2560 หรือปีฮิจเราะห์ศักราช 1438 รัฐบาลได้สนับสนุนให้จังหวัดนราธิวาส ดำเนินการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง ซึ่งปีนี้จัดขึ้นที่ท่าอากาศยานนราธิวาส เป็นปีที่ 5 ซึ่งบริษัท การบินไทย จำกัดมหาชน (มหาชน) ได้จัดเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำจากท่าอากาศยานนราธิวาส ไปยังท่าอากาศยานมาดีนะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 24-25 กรกฎาคม 2560 รวม 4 เที่ยวบิน
          ทั้งนี้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับจังหวัดนราธิวาส ได้ดำเนินการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และพิธีส่งและอำนวยพร ซึ่งขณะนี้การเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ อาทิ พิธีเปิด สถานที่ละหมาด เต็นท์ที่พัก มีความคืบหน้าตามลำดับ นอกจากนี้จะมีลูกเสือสันติสุขมาคอยให้ความช่วยเหลือในการอำนวยความสะดวก รวมถึงจัดเก็บขยะ อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือประชาชนทิ้งขยะตามจุดที่จัดเตรียมไว้ให้
          ปลัดจังหวัดนราธิวาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ (2560) มีจำนวนผู้แสวงบุญที่ยืนยันสิทธิ์ไปประกอบพิธีฮัจญ์ จำนวน 8,833 คน เป็นผู้แสงบุญที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดนราธิวาส จำนวน 1,451 คน ที่ผ่านมาการจัดพิธีส่งและอำนวยพรที่ท่าอากาศยานนราธิวาส ได้รับคำชื่นชมจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และประชาชนอย่างมาก และในการจัดพิธีในปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ 5 ยัง ได้กำหนดจัดการซักซ้อมเตรียมความพร้อมของทุกฝ่าย เน้นระบบเครื่องมือของด่านตรวจค้นเข้าเมือง ด่านศุลกากร และหน่วยงานด้านสาธารณสุข เพื่อให้การดำเนินงานไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ ในวันที่ 23 กรกฎาคม นี้

จังหวัดปัตตานี จัดเวทีเสวนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์ "ร่วมสร้างปัตตานี ให้เจริญรุ่งเรือง" ส่งเสริมภาพลักษณ์สู่สันติสุขชายแดนใต้



          วันที่ 13 กรกฎาคม 2560 ที่ห้องประชุม โรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานในพิธีเปิดการเสวนา เครือข่ายประชาสัมพันธ์ "ร่วมสร้างปัตตานี ให้เจริญรุ่งเรือง" โดยมีนายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี และนางสาวจินดารัตน์ สัตยพงค์ ผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี เข้าร่วมเสวนา
          นายวิชิต เพชรยอด ประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี กล่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์สู่สันติสุขชายแดนใต้ ไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 10-11 กุมภาพันธ์ 2560 ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ใช้ชื่อว่า "ร่วมสร้างปัตตานี ให้เจริญรุ่งเรือง" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทีมงานสื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ได้สัมผัสรับรู้รับทราบของดีเมืองปัตตานี เพื่อขยายผลด้านประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวและของดีในจังหวัดปัตตานี ไปสู่พี่น้องประชาชน ได้รับทราบอย่างกว้างขวาง ตามโครงการประชาสัมพันธ์การสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดปัตตานีและผู้เกี่ยวข้องมาร่วมเสวนาพบปะพูดคุยให้ข้อมูล
          นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี กล่าวว่า ขณะนี้ปัตตานีมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เช่น Sky Walk หรือทางเดินชมธรรมชาติลอยฟ้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Adventure Park ภายในสวนแม่ สวนลูก ถัดจากสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ไปทางริมทะเลรูสะมิแล ซึ่งเทศบาลเมืองปัตตานี ได้รับงบประมาณจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน 10 ล้านบาท มาจัดสร้าง ขณะนี้การก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ได้รับความนิยมจากพี่น้องประชาชนเข้ามาเยี่ยมชมในแต่ละวันจำนวนมาก และขณะนี้มีปัญหาเกี่ยวกับขยะที่ประชาชนนำเข้ามารับประทาน จึงขอความร่วมมือให้ได้นำเศษขยะไปทิ้งในที่ที่จัดให้ด้วย
          ทางด้านนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนมาตลอด โดยได้มีการนำเสนอสิ่งที่ดีๆ ออกไปให้ที่อื่นได้รับรู้ ซึ่งทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้นตามไปด้วย

มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เตรียมความพร้อมการรับสมัครในรูปแบบ TCAS จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อให้นักเรียนในพื้นที่ จชต.


          กองบริการการศึกษา สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อ ประจำปีการศึกษา 2561 เพื่อเตรียมความพร้อมกับการรับสมัครในรูปแบบของระบบ TCAS
          กองบริการการศึกษา สำนักงานอธิการบดี โดยบุคลากรของกองบริการการศึกษา ร่วมกับตัวแทนคณาจารย์ประจำหลักสูตร และบุคลากรจากคณะต่างๆ ได้จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อ ประจำปีการศึกษา 2561 เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์หลักสูตรที่เปิดสอนของมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา รวมทั้งเตรียมความพร้อมกับการรับสมัครในรูปแบบของระบบ TCAS (Thai University Center Admission System) ชื่อใหม่ของระบบการรับสมัครคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลาง ปีการศึกษา 2561
          โดยมีกำหนดการแนะแนวการศึกษาต่อให้แก่นักเรียนในโรงเรียนกาบังพิทยาคม อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา โรงเรียนธารโตวัฑฒนวิทย์ อเำภอธารโต จังหวัดยะลา โรงเรียนตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส และโรงเรียนสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส

วันพุธที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และมหาวิทยาลัยกวางสี ประเทศจีน จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมมือการจัดการด้านการศึกษา MOU ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่ประชาชนในอำเภอเบตง และพื้นที่ข้างเคียง


          วันนี้ (10 ก.ค. 60) ที่อาคารวิทยาลัยนานาชาติเทศบาลเมืองเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา นายสมยศ เลิศลำยอง นายกเทศมนตรีเมืองเบตง พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และนางซุ่น กุ้ยหลิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยกวางสี ได้ร่วมจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมมือการจัดการด้านการศึกษา MOU ระหว่างเทศบาลเมืองเบตง มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และมหาวิทยาลัยกวางสี จากประเทศจีน เพื่อเป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาแก่ประชาชนในอำเภอเบตง และพื้นที่ข้างเคียง
          อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาความร่วมมือระดับนานาชาติในการเข้าสู่ AEC ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา นายดำรงค์ ดีสกูล นายอำเภอเบตง หัวหน้าส่วนราชการ คณะครู นักเรียน และนักศึกษาร่วมเป็นสักขีพยานในการจัดทำบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้
          นายสมยศ เลิศลำยอง นายกเทศมนตรีเมืองเบตง กล่าวว่า จีนมีความสำคัญมากในปัจจุบันเพราะเศรษฐกิจกำลังเจริญเติบโตอย่างมาก จีนจึงเป็นทั้งโอกาสในการทำงาน โอกาสในการค้าขายและทำธุรกิจสำหรับคนไทย ปัจจุบันตลาดการทำงานในประเทศไทยยังต้องการคนที่มีความรู้ภาษาจีนอีกมาก โดยมีแนวโน้มที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมากขึ้นนอกจากด้านการค้าการลงทุน ซึ่งได้แก่ ล่าม หรือนักแปล ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การแพทย์ รวมทั้งครูภาษาจีนที่ขาดแคลนทั้งในระดับประถม มัธยม และอุดมศึกษา
          ด้วยเหตุนี้ทางเทศบาลเมืองเบตง จึงได้ร่วมมือด้านวิชาการกับมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกวางสี ประเทศจีน เพื่อแลกเปลี่ยนการเรียนการสอน ระหว่างภาษาไทย และภาษาจีน และสร้างหลักสูตรใหม่ๆ ให้กับนักเรียน นักศึกษา โดยเฉพาะนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกวางสี ที่จะมาศึกษาเรียนรู้ภาษาไทย รวมถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรมของเมืองเบตง ในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการขับเคลื่อนคุณภาพทางการศึกษา ภายใต้โครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ มั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน ที่รัฐบาลกำหนดให้อำเภอเบตงเป็นเมืองต้นแบบแห่งการพัฒนาเพื่อพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนต่อไป

วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

จ.ปัตตานี จัดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ



          วันที่ (2 ก.ค.60) ที่วัดตานีนรสโมสร พระอารามหลวง อำเภอเมืองปัตตานี นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ปี 2560 โดยมี พุทธศาสนิกชนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
          นายถมยา ศรีประสม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า โครงการดังกล่าว โดยความร่วมมือระหว่างคณะสงฆ์จังหวัดปัตตานี สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปัตตานี และคณะทำงานโครงการพระราชดำริฯ คณะที่ 2 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งเพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ปี 2560 เป็นการส่งเสริม สนับสนุนให้วัดบางแห่งที่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาไม่ถึง 5 รูป ได้มีพระภิกษุจำพรรษาถ้วนไตรมาสครบ 5 รูป ซึ่งจะสามารถรับกฐินหลังออกพรรษา ได้ตามพระธรรมวินัย
          สำหรับพระภิกษุที่เข้าร่วมพรรพชาอุปสมบทครั้งนี้ จะอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดตานีนรสโมสร พระอารามหลวงไปจนถึงช่วงก่อนวันเข้าพรรษา จากนั้นจะแยกย้ายกันไปจำพรรษาที่วัดต่าง ๆ ในจังหวัดปัตตานี ที่มีพระจำพรรษาไม่ครบ 5 รูปต่อไป และจะลาสิกขาหลังจากออกพรรษา และบางส่วนจะลาสิกขาหลังจากพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Pattani-ASEAN Water Festival 2017


           วันที่ 29 มิถุนายน 2560 ที่ สะพานเดชานุชิต แม่น้ำปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี นายพงศ์เทพ ไข่มุกด์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายจรูญ แก้วมุกดากุล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี พล.ต.ต.ปิยะวัตน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ร่วมแถลงข่าวเตรียมจัดกิจกรรม “Pattani-ASEAN Water Festival 2017” ระหว่างวันที่ 1-3 กรกรฏาคม ริมแม่น้ำปัตตานี เชิงสะพานเดชานุชิต ถนนนรินทราช อำเภอเมืองปัตตานี ซึ่งเป็นกิจกรรมทางน้ำ กีฬาพื้นบ้าน เป็นกิจกรรมส่งเสริมเทศกาลและกิจกรรมตามวัฒนธรรมในจังหวัด และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวทั้งในรูปแบบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวหรือการส่งเสริมทางวัฒนธรรม สร้างรายได้ และสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดปัตตานี ถือเป็นการขับเคลื่อนนโยบายท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ตามแนวทางการขับเคลื่อนวาระปัตตานี 2560 “รวมมือ ร่วมพลัง สร้างปัตตานี ให้เจริญรุ่งเรือง เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน” ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ วาระปัตตานีเมืองกีฬา กิจกรรมที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เป็นการนำจุดเด่นของจังหวัดปัตตานี ตลอดจนวิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของประชาชน มาจัดเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา จะเป็นเสมือนหนึ่งการถ่ายทอดความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดปัตตานีสู่สายตาบุคคลภายนอก เพื่อส่งผลให้นักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัสจังหวัดปัตตานีมากขึ้น


          อีกทั้งการจัดกิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการเพิ่มสีสัน และชีวิตชีวาให้กับจังหวัดปัตตานี ตลอดจนการสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศของการอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความเอื้ออาทร ความเข้าใจไว้วางใจ และเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน อันนำไปสู่ความสงบและสันติสุขอย่างยั่งยืนของชาวปัตตานีสืบไป

" นี่ไม่ใช่ครั้งแรก " ฆาตกรรมโดยรัฐ - วิสามัญฆาตกรรมอย่างเป็นระบบ ความคลางแคลงใจของชุมชนปาตานีต่อรัฐไทย

          เมื่อวันอังคาร ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2560 เวลาประมาณ 14.00 น. สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) ได้เดินทางไ...